LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.57 บรรดาญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโดยสารทัวร์สายขอนแก่น-เชียงราย ชนราวสะพานห้วยตองหรือสะพานพ่อขุนผาเมืองแล้วพุ่งตกลงไปในเหวลึกราว 50 เมตร เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 26 ธันวาคม 2556 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 29 คน บาดเจ็บ 4 คน ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้งหมด ที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุ หมู่ที่ 10 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก โดยมีอาสาสมัครกู้ภัยร่วมกตัญญูที่ร่วมปฏิบัติภารกิจในการกู้ศพผู้เสียชีวิต และพ.ต.ท.อดิพัฒน์ สีไพศล รองผกก.ป.สภ.บ้านกลาง รวมทั้งตัวแทนจากอบต.ปากช่องเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ตกลงจะเดินทางร่วมทำบุญเป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และรณรงค์ให้ผู้ใช้รถและใช้ถนน ได้ตระหนักถึงการขับรถด้วยความระมัดระวัง
ด้านนางปราณี ดันบาร์ อายุ 56 ปี ชาวอ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งลูกชายคนโตเสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวระบุว่า อยากให้เหตุการณ์นี้สร้างความตระหนักให้กับทุกฝ่าย และอยากให้สังคมมีความคิดว่าอย่ามัวมาวิ่งแก้ปัญหา แต่ควรจะหาวิธีการป้องกันมากกว่ามาหาวิธีแก้กันหลังเกิดการสูญเสียแล้ว
“ส่วนค่าชดเชยตามกฎหมายนั้นพวกเราต่างพอใจและได้รับเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงแต่การยื่นฟ้องร้องทางแพ่งกับบริษัทรถทัวร์และทางบขส.เท่านั้น ซึ่งมีญาติและครอบครัวของผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้อย่างน้อยราว 8 รายที่ยื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง เพราะถ้าไม่ละเลยหน้าที่ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น”นางปราณีกล่าว
พ.ต.ท.อดิศักดิ์ สีไพศล รองผกก.ป.สภ.บ้านกลาง กล่าวว่า คดีนี้ผู้ขับขี่ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดเสียชีวิตในคดีอาญาจึงยุติไปโดยปริยาย ส่วนสะพานห้วยตองปัจจุบันมีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีก ด้วยการเสริมราวสะพานสูงขึ้นกว่าเดิมเป็น 180 เซนติเมตรและเพิ่มไฟส่องสว่างรวมทั้งติดป้ายแจ้งเตือนเพิ่มเติมอีกด้วย
พระบวร พรหมวโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีจันดาธรรม ต.ปากช่อง กล่าวว่า สะพานห้วยตองถูกขนานนามว่าสะพานมรณะ ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทั้งเล็กและใหญ่หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีคู่รักที่ไม่สมหวัง และผู้ผิดหวังตัดสินใจมาเลือกจุดจบด้วยการกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหลายรายมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก การทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้คงทำให้การเกิดอุบัติเหตุคงลดน้อยลง.
ชมเหตุการวันเกิดเหตุที่ http://www.phetchabunnews.com/?p=7295
ที่มา http://www.posttoday.com’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook