ชาวสวนมะขามเพชรบูรณ์สุดทน รวมตัวเรียกร้องให้ นายกฯ รัฐบาลช่วยเหลือ พร้อมนำมะขามมาเทลงพื้น หน้าบ้าน ผญบ.เพื่อประท้วงวิกฤติราคาต่ำกว่าทุน พร้อมยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐลงมาช่วยพยุงราคา…
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.58 เวลา 11.00 น. เกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวานจังหวัดเพชรบูรณ์รวมตัวกันกว่า 100 คน นำฝักมะขามหวานสดมาเทบนพื้นถนนด้านหน้าบ้านของนายสมพงษ์ เพ็งสาย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 บ้านโนนเสาธง หมู่ 6 ต.ตะเบาะ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.ตะเบาะ โดยกลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวเข้าร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอให้ช่วยเหลือราคามะขามหวานตกต่ำมากที่สุด ทุกวันนี้สามารถขายได้ในราคาเพียงกิโลกรัมละ 8 บาท จากราคารับซื้อเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมานั้น มีการรับซื้อในราคาต่ำสุดที่ 25 บาทขึ้นไป
โดยเกษตรกรระบุว่า มะขามหวานมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยกิโลกรัมละ 15 บาท เมื่อราคาตกต่ำถึงขีดสุดจึงทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวานประสบปัญหาขาดทุน เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ที่ผ่านมา ได้รวมตัวลงชื่อเกษตรกรที่อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะขามหวานจังหวัดเพชรบูรณ์จำนวน 470 ราย เข้ายื่นหนังสือต่อนายชัยยันต์ ยอดคำ พาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือหาแนวทางพยุงราคามะขามหวานให้แก่เกษตรกรที่มีความเดือดร้อนหนักเพราะต้นทุนสูง โดยค่าแรงการตัดมะขามเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 7-8 บาท ถ้ามะขามต้นสูงมากจะมีค่าแรงถึงกิโลกรัมละ 10 บาท
นายสมพงษ์ เพ็งสาย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องสองแนวทางคือ 1.ให้รัฐบาลช่วยเหลือเร่งด่วนในฤดูกาลนี้เรื่องการรับซื้อราคามะขามหวานขั้นต่ำกิโลกรัมละ 20 บาท ส่วนพันธ์ุสีทองรวมราคากิโลกรัมละ 30-35 บาท ข้อ 2.ขอให้ช่วยเหลือตั้งราคาราคามาตรฐานขั้นต่ำตลอดไป หรือประกันราคาให้อยู่คงที่ตลอดไป โดยในเบื้องต้นนั้น ตนเองได้เข้าเจรจากับ อบต.ตะเบาะ เพื่อนำเงินมาให้เกษตรกรในพื้นที่ยืมเป็นค่าใช้จ่ายค่าแรงงานที่จ้างคนตัดมะขาม และเงินค่าใช้จ่ายให้บุตรหลานไปโรงเรียน
“ทุกวันนี้แทบไม่มีเงินกินใช้กันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจาก อบต.น้ำร้อน เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนการรับเรื่องอยู่ และอยากให้มีการผลักดันให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้กู้เงิน ธ.ก.ส.เพื่อมาบำรุงคุณภาพของมะขามให้มีคุณภาพมาตรฐานที่ดีเป็นที่ต้องการของตลาด อยากให้สมาชิกได้ปลูกมะขามหวานที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น และให้มะขามอยู่คู่กับจังหวัดเพชรบูรณ์ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเพชรบูรณ์”
ทั้งนี้ หากไม่มีการเข้ามาช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวานในจังหวัดเพชรบูรณ์ให้อยู่รอดได้นั้น ก็จะเกิดปัญหาการตัดโค่นมะขามหวานทิ้ง และหันไปปลูกยางพาราแทน และงานกาชาดมะขามหวานก็จะไม่มีคงจะต้องเปลี่ยนเป็นงานกาชาดยางพาราแทนแล้ว โดยช่วง ม.ค.-เม.ย. จะเป็นช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวมะขามหวาน เพราะมะขามไม่ชอบฝน หากมีฝนตกลงมาก็จะทำให้มะขามหวานเสียเพราะขึ้นรา จึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวานด้วย.’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook