รายงานการเมือง
ดูเหมือนแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของรัฐบาลไทยในช่วงหลัง จะเน้นหนักไปที่การพัฒนาและปฏิรูปการขนส่งระบบราง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดที่แล้ว กับโครงการ “THAILAND 2020” ที่วางแผนที่จะใช้งบประมาณถึง 2 ล้านล้านบาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของไทย แต่ก็ไปไม่รอด ต้องพับฐานไปเสียก่อน ที่นำ “ระบบราง” ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่มาเป็น ตัวชูโรง
พอมาถึงในยุค คณะรักษาความสงบแห่งแห่งชาติ (คสช.) การขนส่ง “ระบบราง” ก็ยังเป็นพระเอกของยุทธศาสตร์ด้านการคมนาคม ของรัฐบาลเช่นเคย ประเดิมด้วยการผลักดันรถไฟทางคู่ไทย – จีน เส้นทางหนองคาย – กรุงเทพฯ – ระยอง ระยะทางกว่า 800 กม. งบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท ที่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว หรือการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมเศรษฐกิจ ตะวันตก – ตะวันออก เส้นทาง กาญจนบุรี – ระยอง – อรัญประเทศ ที่อยู่ระหว่างการพูดคุยกับทางประเทศญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้ และอาจรวมไปถึงรถไฟความเร็วสูงระยะสั้น จาก กรุงเทพฯ – พัทยา หรือ กรุงเทพฯ – หัวหิน ที่มีแนวโน้มว่าจะชักชวนภาคเอกชนไทย มาร่วมลงทุน
สาเหตุที่รัฐบาลไทยต้องหันมาเน้นหนักการพัฒนาและปฏิรูประบบราง ก็เนื่องจากเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกแล้วว่า การลงทุนในระบบราง ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่ากว่าการขนส่งในรูปแบบอื่น ทั้งในแง่การลดต้นทุนในการเดินทาง การขนส่ง และการลดการใช้พลังงาน เป็นต้น
นอกเหนือจาก “เมกะโปรเจกต์” ที่กล่าวไปแล้วนั้น หลายๆ เส้นทางในประเทศก็จำเป็นต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาควบคู่กันไปด้วย เพื่อรองรับเส้นทางสายหลักที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยในเร็วๆ นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก็กำลังจะสรุปผลการศึกษาการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ 1 เส้นทางสำคัญ เพื่อเชื่อมโยงภาคเหนือ – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรัฐบาล คสช. ได้มีมติเห็นชอบในแผนงานการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง 2 แนวเส้นทาง คือ 1. เส้นทางรถไฟสายสายลำนารายณ์ – เพชรบูรณ์ – เลย – หนองบัวลำภู และ 2. เส้นทางรถไฟสายจัตุรัส – ชัยภูมิ – เลย – หนองบัวลำภู
ความแตกต่างของ 2 เส้นทาง ที่เส้นทางหนึ่งผ่าน จ.เพชรบูรณ์ เป็นหลัก ขณะที่อีกเส้นทางหนึ่ง จะผ่าน จ.ชัยภูมิ เป็นหลัก ทำให้ต่างมีความเคลื่อนไหวแสดงความพร้อม และความต้องการเส้นทางรถไฟด้วยกันทั้ง 2 จังหวัด
โดยเฉพาะด้าน จ.เพชรบูรณ์ ที่มีการขับเคลื่อนผ่านแคมเปญ “รถไฟต้องมาเพชรบูรณ์” ซึ่งมีการแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียง จนปัจจุบันถูกยกให้เป็น “วาระแห่งเพชรบูรณ์” เลยทีเดียว สาเหตุที่ชาวเมืองมะขามหวาน จ.เพชรบูรณ์ ให้ความสนใจเรื่องการเข้ามาของทางรถไฟนั้น ก็เนื่องจากปัจจุบันในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ไม่มีเส้นทางรถไฟแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะ จ.เพชรบูรณ์ อาจจะไม่ใช่จังหวัดใหญ่ แต่ก็มีประชากรรวมแล้วเกินกว่า 1 ล้านคน
อีกทั้งในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมมากมาย ทั้งอุทยานแห่งชาติเขาค้อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่ช่วงเทศกาลจะมีผู้คนแห่แหนกันไปสัมผัสบรรยากาศกันอย่างล้นหลาม
เรื่องนี้ “เสกสรร นิยมเพ็ง” นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีของ จ.เพชรบูรณ์ ที่จะมีเส้นทางรถไฟผ่านเสียที หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามผลักดันมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ มาครั้งนี้มีการตั้งงบประมาณในการศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง เพียงแต่มีคู่เปรียบเทียบอีกเส้นทางหนึ่งด้วย ทางจังหวัดจึงอยากให้ทั้ง ร.ฟ.ท. และบริษัทที่ปรึกษาฯ ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนที่จะรายงานสรุปเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจ เพราะในระหว่างการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาฯมีการตึ้งเวทีรับฟังข้อมูลขจากชาวเพชรบูรณ์เพียงครั้งเดียว แตกต่างจากจังหวัดที่มีการตั้งเวที 3 – 4 ครั้งต่อจังหวัด
“นายกเสกสรร” บอกด้วยว่า ในวันที่ 1 เม.ย. 58 ทางจังหวัดโดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะมีการจัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็นจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยเป็นเวทีที่ จ.เพชรบูรณ์ จัดขึ้นมาเอง และเชิญผู้แทนจาก ร.ฟ.ท. รวมทั้งบริษัทที่ปรึกษาฯมาร่วมรับฟังความเห็นของชาวเพชรบูรณ์อีกครั้ง
ด้าน “วิศัลย์ โฆษิตานนท์” ประธานสภาวัฒนธรรม จ.เพชรบูรณ์ ให้ข้อมูลเสริมว่า เส้นทางรถไฟใหม่ที่จะผ่านเพชรบูรณ์นั้น ถือว่ามีศักยภาพที่เหนือกว่าในหลายด้าน และยังคุ้มค่าการลงทุนอีกด้วย อาทิ การขนส่งสินค้าทางการเกษตร ทั้ง มะขาม ข้าวโพด กะหล่ำปลี ขิง ที่เป็นสินค้าเศรษฐกิจของ จ.เพชรบูรณ์ จุดยุทธศาสตร์ที่ถือเป็นกึ่งกลางระหว่างภาคเหนือ – ภาคอีสาน และเชื่อมโยงไปถึงประเทศลาว ผ่าน อ.ท่าลี่ ได้ง่าย การประหยัดงบประมาณเนื่องจากพื้นที่เส้นทางตามแผนส่วนใหญ่เป็นของรัฐ จำนวนผู้โดยสารที่มีแนวโน้มมากกว่า จากแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังจะได้เส้นทางท่องเที่ยงทางรถไฟที่สวยงามด้วยภูมิศาสตร์ที่มีภูเขาขนาบทั้ง 2 ด้านของเส้นทาง
ด้าน “กษิต โฆษิตานนท์” ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงกระแสการตอบรับของชาวเพชรบูรณ์ ว่า ขณะนี้ต้องบอกว่าทั้งจังหวัดมีความเห็นด้วย กับการที่จะมีเส้นทางรถไฟผ่าน พูดได้เสียงเป็นเอกฉันท์ จากทั้งประชาชน และหน่วยงานต่างๆ มีการแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย จนถูกต้องยกให้เป็น “วาระแห่งเพชรบูรณ์” ทั้งมีสังคมออนไลน์ หรือการร่วมกันขยายสื่อประชาสัมพันธ์ไปทั่วทั้งจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ เมื่อเข้าตรวจสอบแฟนเพจ “รถไฟต้องมาเพชรบูรณ์” ที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 58 เพื่อรณรงค์ผลักดันเส้นทางรถไฟ พบว่า ปัจจุบันมีผู้กดไลค์มากกว่า 1.1 หมื่นคน มีการแชร์ภาพกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งแสดงความคิดเห็นแล้วมากกว่า 1 แสนครั้ง
ขณะที่ จ.ชัยภูมิ นั้น แม้จะมีเส้นทางรถไฟผ่านทางด้านตะวันออก – ใต้ ของจังหวัดอยู่แล้ว แต่ก็มีความต้องการให้มีการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงกับจังหวัดในด้านอื่นด้วย โดย “มนตรี ชาลีเครือ” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ เคยยื่นหนังสือถึง ร.ฟ.ท. ในนาม อบจ.ชัยภูมิ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างทางรถไฟ เส้นทางสายจัตุรัส – ชัยภูมิ – เลย – หนองบัวลำภู แล้วเช่นกัน ขณะที่ความเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ก็มีการรณรงค์เส้นทางรถไฟสายจัตุรัส – ชัยภูมิ – เลย – หนองบัวลำภู ในลักษณะใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ร.ฟ.ท. ระบุว่า สัญญาว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในส่วนของเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงภาคเหนือ – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ งบประมาณ 30 ล้านบาทนั้น จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 เม.ย. 58 ซึ่งหมายความว่า บริษัทที่ปรึกษาฯ ต้องจัดทำรายงานสรุปผลการศึกษาให้แล้วเสร็จเพื่อนำส่ง ร.ฟ.ท. และรัฐบาลในเดือน เม.ย. นี้ ก่อนที่ในปีงบประมาณ 2559 จะเสนองบประมาณในส่วนของการออกแบบรายละเอียด เพื่อดำเนินโครงการต่อไป
เดือน เม.ย. 58 จึงถือเป็นช่วยเวลาสำคัญของทั้ง “เพชรบูรณ์ – ชัยภูมิ” ที่จะชี้ขาดว่า “รถไฟไทย” จะหันหัวไปทางไหน ซึ่งย่อมต้องมีฝ่ายหนึ่ง “สมหวัง” ขระที่อีกฝ่ายต้อง “อกหัก” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
การรถไฟแห่งประเทศไทย กำลังทำการกำหนดเลือกเส้นทางที่จะก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ โดยจะคัดเลือกระหว่างสาย จัตุรัส-ชัยภูมิ-หนองบัวลำภู-เลย หรือ สาย ลำนารายณ์-เพชรบูรณ์-เลย-หนองบัวลำภู .. คนเพชรบูรณ์จึงร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมผลักดัน ให้เกิดทางรถไฟมาจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้ชื่อการรณรงค์ว่า .. ด้วยศักยภาพและคุ้มค่ามากกว่า .. รถไฟต้องมาเพชรบูรณ์ .. เพราะคนเพชรบูรณ์ส่วนใหญ่เห็นความจำเป็น อยากให้เพชรบูรณ์มีรถไฟ และมั่นใจในศักยภาพและความคุ้มค่าที่เหนือกว่า ดังนี้
1. จำนวนผู้โดยสารที่มากกว่า นั่นคือ นอกจากประชากรในจังหวัดและตามเส้นทางที่ผ่านแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ที่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น ใน พ.ศ. 2557 มีถึง 1.7 ล้านคน และยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบก้าวกระโดด รวมถึงในอนาคตเมื่อมีรถไฟมาเพชรบูรณ์แล้ว นักท่องเที่ยวก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะเดินทางสะดวกขึ้น
2. ปริมาณสินค้าที่จะขนส่งโดยรถไฟมีมากกว่า นั่นคือ สินค้าที่จะขนส่งไปจากเพชรบูรณ์ที่มีหลายหลายและปริมาณจำนวนมากคือ ข้าวโพด ข้าว ผักสด มะขามหวาน ใบยา ขิง เส้นไหม รวมถึง น้ำตาลและน้ำมันดิบด้วย ส่วนสินค้าที่จะต้องขนส่งมายังเพชรบูรณ์ ที่จะใช้บริการรถไฟมากที่สุด ได้แก่ สินค้าเครื่องใช้ทั่วไป ปิโตรเลียม และปูนซีเมนต์ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับจำนวนประชาชนที่อยู่และผู้คนเดินทางมาเที่ยวเพชรบูรณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังรวมถึงการขยายตัวของการก่อสร้างต่าง ๆ ในจังหวัดเช่น หมู่บ้านจัดสรร ตึกแถว รีสอร์ท ฯลฯ ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย
3. ทำเลที่ตั้งของเส้นทางเพชรบูรณ์ที่มีความเหมาะสมกว่า นั่นคือ เส้นทางเพชรบูรณ์จะอยู่กึ่งกลางระหว่างเส้นทางรถไฟสายเหนือและสายอีสาน ไม่ได้ค่อนไปทางด้านใดด้านหนึ่ง และสามารถเชื่อมโยงไปยังทางหลวงASEAN หมายเลข AH16 อันจะเกิดศูนย์กระจายสินค้าไปทุกทิศทางได้ และเชื่อมต่อไปยังประเทศลาวได้สะดวกในอนาคต
4. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะถูกกว่า โดยเฉพาะค่าเวนคืนที่ดิน ซึ่งหากใช้เส้นทางเลียบภูเขาที่เพชรบูรณ์เรามีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและที่ดินสาธารณะประโยชน์อันเป็นที่ดินของรัฐมากมาย ก็จะทำให้ไม่ต้องเสียค่าเวนคืนเป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น หากเลือกเส้นทางเลียบเขาด้านทิศตะวันตกของเพชรบูรณ์ ยังจะทำให้ห่างไกลแม่น้ำป่าสักไม่เสี่ยงต่อน้ำท่วมราง และการเชื่อมโยงมายังเมืองต่าง ๆ ของเพชรบูรณ์ที่ล้วนแต่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสักก็จะใกล้และสะดวกกว่า และที่สำคัญคือ เราจะได้ทางรถไฟเลียบเขาเพชรบูรณ์ที่สวยที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
5. เป็นการกระจายโอกาสการเข้าถึงบริการรถไฟให้กับคนเพชรบูรณ์ นั่นคือ ชัยภูมิก็มีรถไฟผ่านอยู่แล้วที่ บำเหน็จณรงค์ จัตุรัส .. ชุมแพ ก็สามารถไปใช้รถไฟที่ขอนแก่นได้อยู่แล้ว .. แต่เพชรบูรณ์ไม่มีรถไฟเลย ซึ่งคนเพชรบูรณ์ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน จึงควรกระจายทางรถไฟมาทางเพชรบูรณ์บ้าง .. นอกจากนั้น หากพิจารณาในด้านการเพิ่มขึ้นของการใช้บริการรถไฟ .. คนชัยภูมิ คนชุมแพ บางส่วนเขาก็ใช้รถไฟที่มีสถานีที่มีอยู่ใกล้ ๆ กับพื้นที่ของเขาอยู่แล้ว หากไปสร้างเส้นทางใหม่เพิ่มขึ้นทางแนวทางนั้น ผู้ที่ใช้บริการก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นเฉพาะเพียงในส่วนที่ยังไม่เคยใช้รถไฟเท่านั้น … แต่ถ้าหากมาสร้างที่เพชรบูรณ์ ผู้ที่จะใช้บริการรถไฟจะมีเพิ่มขึ้น 100% เต็ม ๆ อันจะทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าในภาพรวม
6. เหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ นั่นคือ เพชรบูรณ์เป็นที่ตั้งของกองพลทหารมาที่ 1 อันเป็นหน่วยทหารขนาดใหม่มีกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์หนักมากมาย เช่น รถถัง ปืนใหญ่ ซึ่งหากมีทางรถไฟมายังเพชรบูรณ์ การลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์เหล่านี้ผ่านทางรถไฟแล้วเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ ก็จะเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ อันถือว่าเป็นการเสริมสร้างศักยภาพและสมรรถนะในการรักษาความมั่นคงของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
จากศักยภาพ ความเหมาะสมและความคุ้มค่าในประเด็นต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น คนเพชรบูรณ์เกือบทุกคนในขณะนี้ จึงได้ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมรณรงค์ ร่วมผลักดัน เพื่อให้เกิดกระแส เกิดพลัง ที่จะทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจได้เห็นว่าคนเพชรบูรณ์ต้องการรถไฟอย่างจริงจัง และจะต้องมารับฟังข้อมูล เหตุผลความจำเป้น ความเหมาะสมกว่าและการพิจารณาเลือกเส้นทางสายเพชรบูรณ์โดยใช้ข้อมูลอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ถูกต้องและเป็นธรรม‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook