LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์
(31 ต.ค.58) นายประสม ประคุณสุขใจ กรรมการผู้จัดการบริษัทเมาท์เท่นพาร์คสวิสเซอร์แลนด์ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องที่ดินของภูทับเบิกและเขาค้อคล้ายกัน โดยที่เขาค้อทางกองทัพภาค 3 ขอให้ที่ดินจากกรมป่าไม้เพื่อจัดสรรให้แก่รอส.ใน 4 ตำบล แต่ที่ภูทับเบิกนั้น เดิมทางกรมประชาสงเคราะห์เดิม ขอใช้พื้นที่เพื่อให้ชาวเขาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเพื่อการเกษตรกรรม แต่กลับขายหรือให้นายทุนเช่าที่ดินก่อสร้างเป็นสถานประกอบการโรงแรมรีสอร์ตและร้านอาคารทั้งในพื้นที่เขาค้อและภูทับเบิก ทั้งที่เป็นการดำเนินการโดยไม่ถูกต้องโดยเฉพาะไม่มีการเสียภาษีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดงบเข้าไปตัดถนนในเขตป่า หรือแม้กระทั่งการไฟฟ้ายังสนับสนุนขยายเขตไฟฟ้าไปให้ผู้ประกอบการทั้งที่ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ
“ปัญหาของภูทับเบิกระบาดไปจากเขาค้อ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลยละเว้นการปฎิบัติ โดยปี 2550 เป็นต้นมามีนายทุนและข้าราชการบางรายเข้ามาซื้อขายที่ดิน ทั้งที่ซื้อขายหรือเช่ากันไม่ได้เพื่อมาทำเป็นรีสอร์ตทั้งไม่จดทะเบียนและภาษีก็ไม่ต้องเสีย ที่สำคัญยังทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสียหายไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่หลังคาตึกและบ้านพักผุดเต็มไปหมด ถามว่าใครรับผิดชอบ” นายประสม กล่าว
นายประสม ยังกล่าวว่า เตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบดีกรมสรรพกร โดยเฉพาะทางอธิบดีกรมสรรพกร เพราะต้องการทราบแนวทางว่า รีสอร์ตเกือบ 1,000 แห่งทั้งในเขาค้อและภูทับเบิกที่ไม่ได้เสียภาษี ทั้งที่สามารถเรียกเก็บได้ทำไมถึงปล่อยปละละเลยมาจนถึงวันนี้ ประเทศชาติขาดรายได้และเสียหายไปหลายพันล้านบาท ปัญหาตรงนี้ยังจะปล่อยเพิกเฉยต่อไปหรือไม่
“ในฐานะเป็นผู้ประกอบการ 1 ใน 10 รายในพื้นที่เขาค้อ ซึ่งซื้อที่ดินที่มีเอกสารสิทธิที่ดินและจดทะเบียนพาณิชย์ เพื่อเปิดเป็นสถานประกอบการตามกฎหมาย ย่อมมีความรู้สึกว่าถูกปฎิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่ เราถูกเรียกเก็บภาษีตลอดเวลา มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย ซึ่งผิดกับพวกที่ทำผิดกฎหมายและยังได้อภิสิทธิ์อะไรอีกมากมาย โดยเฉพาะไม่ต้องไปเสียภาษีหรือค่าใช้จ่ายใดๆให้แก่รัฐ” นายประสม กล่าว
นายประสมกล่าวต่อว่า ตามกฎหมายประมวลรัษฎากรการเสียภาษีก็ชัดเจนว่า ตั้งแต่เริ่มประกอบการก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีพ.ร.บ.โรงแรมซึ่งต้องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนจึงจะทำธุรกิจได้ เป็นเป็นว่าผุ้ที่ทำถูกกฎหมายต้องอยู่อย่างยุ่งยาก ส่วนผู้ที่ทำผิดกฎหมายโดยอ้างว่าเป็นเกษตรกรผันตัวมาทำรีสอร์ต เมื่อต้องการเป็นผู้ลงทุนหรือทำธุรกิจก็ย่อมอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายเดียวกันที่สำคัญต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย การจะมาอ้างเป็นเกษตรกรหรือผู้มีรายได้น้อยเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายตรงนี้คงไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ นายประสมกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ดินเขาค้อเมื่อทำแล้วไม่มีใครจับ นายทุนบางส่วนก็เลยไปทำที่ภูทับเบิก และก็เป็นเรื่องแปลกที่มีข่าวอธิบดีกรมป่าไม้ยืดเวลาจัดการรีสอร์ตที่ถูกศาลสั่งไปแล้วไปอีก 60 วัน ถามว่าเมื่อศาลสั่งแล้วแล้วการที่อธิบดีไปยืดเวลาจะเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่และทำได้อย่างไร ในขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้ปกครองท้องที่ก็ต้องดำเนินการตามคำพิพากษาเมื่อมาถึงที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ นายประสมกล่าวถึงกรณีการแก้ไขภูทับเบิกเพื่อเป็นโมเดลการท่องเที่ยวอีกว่า วัตถุประสงค์การใช้ที่ดินบริเวณพื้นที่นี้เพื่อทำการเกษตร แต่จู่ๆจะมาปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์กันตอนนี้ไม่น่าจะเหมาะสม และทำไมไม่บอกตนล่วงหน้าจะได้มีสิทธิไปจับจองที่ดินล่วงหน้าไว้ก่อน ยิ่งเบื้องหลังมีนายทุนจากข้างนอกเข้าไปซื้อขายที่ดินหรือเช่าที่ดินจากชาวม้งไว้ล่วงหน้าแล้วคงรับไม่ได้
ที่มา มติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1446269187&grpid=03&catid=19‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook