พบนายทุนรุกป่าภูทับเบิกตัดทำลายพญาเสือโคร่งที่ปลูกไว้เกือบ400ต้น
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ผนึกทหาร ตำรวจ ตรวจจับรีสอร์ตรุกภูทับเบิกอีก 4 แห่ง รายหนึ่งคดียังค้างที่ศาลกลับสร้างบ้านพัก
เพชรบูรณ์ * กรมป่าไม้นำทหาร ตำรวจ เข้าตรวจยึด 4 รีสอร์ตดังท้าทายกฎหมายบุกรุกภูทับเบิก ทำลายต้นพญาเสือโคร่งที่ทางการปลูกไว้เพื่อการท่องเที่ยว ยึดที่ดินเป็นของตัวเอง เผย 1 ในนั้นถูกฟ้องร้องคดียังอยู่ในศาล แต่กลับก่อสร้างบ้านพักอีก 27 หลังเมื่อวันที่ 10 เมษายนนี้ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้นายชีวภาพ ชีวธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พร้อมนายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ร่วมกับพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ ผู้เชี่ยวชาญ ศปป.4 กอ.รมน. (สวนรื่น) นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหารชุดควบคุมพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปก.ทส.) ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าตรวจสอบและยึดรีสอร์ตบนภูทับเบิกเพิ่มอีก 4 แห่ง บริเวณหมู่ที่ 8 บ้านน้ำเพียงดิน ต.วังบาล อ.หล่มเก่า ได้แก่ 1.เคียงดาว ภูทับเบิก 2.สเตชั่น ภูทับเบิก 3.บีบี เอ็ม ภูทับเบิก ซึ่งบุกรุกพื้นที่ปลูกป่าเพื่อการท่องเที่ยวของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับจังหวัด ปลูกต้นพญาเสือโคร่งเพื่อการท่องเที่ยว โครงการ “ทับเบิกวิวพอยท์” เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 แต่ปัจจุบันกลายเป็นรีสอร์ตหรู โดยเฉพาะสเตชั่นภูทับเบิกนั้น เคยถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกมาแล้ว คดียังคงอยู่ในชั้นศาล แต่กลับพบว่ามีการสร้างขยายเพิ่มเติมโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อีกทั้งยังมีการดำเนินคดีรีสอร์ทแสนรัก ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านภูทับเบิกเพิ่มอีก 1 แห่ง รวมเป็น 4 แห่ง โดยรีสอร์ตทั้งหมดที่ถูกจับกุมมีการเข้าถือครองโดยผิดเงื่อนไขของกรมสงเคราะห์ชาวเขาขอใช้ประโยชน์จากการป่าไม้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ 2 จุด ตามที่ ร.ต.ผล ประทุมสาย นายทหารนอกราชการ นำข้อมูลมาร้องเรียน กรณีชาวบ้านในพื้นที่ภูทับเบิกร้องเรียนว่า คณะเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ไม่ยอมดำเนินคดีนายทุน กรณีเอาที่ดินแปลงปลูกป่าของจังหวัดไปทำรีสอร์ต และอ้างว่ารีสอร์ตบางแห่งมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นจริงตามคำร้องเรียน
นายชีวภาพกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าได้มีการก่อสร้างอาคารบ้านพักเพิ่มเติมจำนวน 25 หลัง และบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่อีก 2 หลัง สำหรับต้นพญาเสือโคร่งที่ปลูกไว้จำนวน 400 ต้น พร้อมท่อระบบรดน้ำ ได้ถูกทำลายไปจนหมด เหลือต้นไม้ที่ปลูกไว้ 40 ต้น ตรวจพบในพื้นที่มีการสร้างถนนและอาคารรีสอร์ตทับแปลงปลูกป่าจนเกือบหมด
ด้าน ร.ต.ผล ประทุมสาย ให้ข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ให้กลุ่มนายทุน ภายหลังถูกย้ายไปจากพื้นที่ ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบบุคคลใดในพื้นที่ สำหรับรีสอร์ตบนภูทับเบิกมีจำนวน 101 แปลง คาดว่าจะเป็นของกลุ่มทุน จำนวน 61 รีสอร์ต และเป็นของกลุ่มชาวม้ง 40 รีสอร์ต ได้ดำเนินคดีตรวจยึดไปแล้วทั้งหมดจนถึงวันนี้ จำนวน 47 คดี รอขยายผลการตรวจสอบ 2 รีสอร์ต และใน 47 คดี มีกำลังอยู่ในขบวนการบังคับคดีจำนวน 18 คดี
นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบการก่อสร้างบ้านพักข้างร้านแอ็ดคอฟฟี่ ซึ่งอยู่บริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้านเช่นกัน โดยพบนางไหม โรจน์ธนากร เจ้าของร้านกาแฟแอ็ดคอฟฟี่ นอกจากรับเป็นเจ้าของแล้ว ยังระบุด้วยว่าเป็นชาวทับเบิกโดยกำเนิด ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าห้ามทำการก่อสร้าง และไม่มีหน่วยงานไหนมาแจ้งหรือประชาสัมพันธ์ให้ทราบ นายชีวภาพจึงขอให้นางไหมหยุดการก่อสร้างไว้ก่อน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างรอพิสูจน์สิทธิ์ เพราะหากถูกจับกุมอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินไปด้วย
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2401227
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook