ในภาวะที่สังคมแบ่งฝ่ายความคิดความเห็น พร้อมจินตนาการภาพฝ่ายตรงข้ามด้วยความหวาดระแวง “มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์ “ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล” ประธานมูลนิธิบำรุงขวัญทหารตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์
ซึ่งล่าสุด ท่านผู้หญิงวิระยา เข้าร่วมโครงการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยเป็นนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.4) หลักสูตรซึ่งรวมคนจากหลากหลายพรรค หลากหลายสีเสื้อ หลากหลายความคิดมาเรียนร่วมกัน
@ ท่านผู้หญิงวิระยา มองการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยาม ที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย)อย่างไร
มองว่า เขาทำผิดกาละเทศะมากๆ เพราะ เป็นระยะเวลาที่ผู้นำระดับมหาอำนาจ อย่าง อเมริกา จีน ให้เกียรติมาเยือนประเทศไทย คนไทยก็ควรจะให้เกียรติและรักประเทศไทยด้วย ไม่ใช่มาทำอย่างนี้ มันไม่ใช่เวลาที่ควรจะทำ
แล้วการจะเคลื่อนไหวประท้วงขับไล่ใคร ก็น่าจะบอกไปเลยว่า “ฉันเกลียดแก” บอกไปเลยว่า “ฉันเกลียดรัฐบาล” แต่อย่าอ้างว่า ทำเพื่อปกป้องสถาบัน อย่าดึงสถาบันลงมาเป็นคู่ขัดแย้ง และต้องเข้าใจว่าการแสดงความรักสถาบันของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า แบบนี้รัก หรือแบบนี้แปลว่าไม่รัก
คนที่อยากล้มรัฐบาล ต้องบอกเหตุผลที่อยากล้มรัฐบาล ไม่ใช่มาบอกว่าเพราะรัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วง จึงต้องล้มรัฐบาล ถ้ามีคนจะล้มสถาบันจริงๆ พี่จะเป็นคนหนึ่งที่ออกโรงต่อต้านการล้มสถาบัน ซึ่งต้องมีข้อเท็จจริงรองรับ ไม่ใช่กล่าวหากันลอยๆ
พี่ไม่อยากให้ประชาชนถูกกล่าวหาว่าทำร้ายสถาบัน เพราะ คนที่ทำร้ายตัวจริง คือคนที่พยายามกล่าวหาและทำให้ประชาชน ทอดทิ้งสถาบันไป
@ การชุมนุมของ เสธ.อ้าย นัดหมาย ฤกษ์เวลา 9.01 น.
ก็ตลก เพราะประชาชนก็ยังไม่เข้าใจ ว่า แท้จริงแล้วเหตุผลคืออะไร คือถ้าถามพี่ ทุกคนบอกว่ารักสถาบัน แต่ถ้าคนที่รักสถาบันจริงแล้ว จะไม่ดึงเอาสถาบัน มาทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
@ เสธ.อ้าย ให้เหตุผล ว่า การเลือกฤกษ์เวลานี้ เพราะทุกคนทราบว่าหมายถึงอะไร และการชุมนุมทำเพื่อปกป้องสถาบัน
ทุกวันนี้ ใครจะทำร้ายสถาบันได้คะ ประเทศนี้ พี่เชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องประชาชนชาวไทยมาเป็น ร้อยๆ ปี ประเทศไทยปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นองค์พระประมุข เราก็อยู่ดีมีสุขมาตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
คนที่คิดจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ก็คงไม่ฉลาด เพราะสถาบันกษัตริย์มีอำนาจ และข้อแรก ที่สำคัญสุด คือมีประชาชนที่จงรักภักดี ต่อสถาบัน จงรักภักดีต่อองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ
ข้อสองสอง สถาบันพระมหากษัตริย์ มีทหาร มีกองทัพ มีอาวุธ คอยปกป้อง คุ้มครอง ถวายความจงรักภักดีด้วยชีวิต
ข้อสาม สำคัญสุด มีองค์กรตุลาการ ซึ่งมีตราชั่ง ภายใต้พระปรมาภิไธย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จนถึงปัจจุบันคนไทยก็รู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วไม่มีใครที่จะสามารถล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ และประเทศไทยจะต้องมีพระมหากษัตริย์คู่บ้านคู่เมืองตลอดไป
@มองการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างไร
มองว่า องค์กรอิสระ เป็นองค์กรเผด็จการ สำหรับพี่ พี่ชอบการตัดสินที่มีหลายขั้นตอน อย่างศาล ต้องมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ฎีกา แต่องค์กรอิสระ ตัดสินเองทุกอย่างโดยอิสระสมชื่อ
พี่ชอบสถาบันตุลาการ สมัยที่พี่เกิดมาก่อนที่จะมีการตั้งองค์กรอิสระ องค์กรตุลาการมีความสำคัญต่อประเทศชาติ ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและได้รับความยุติธรรม ควรจะเป็นอย่างนั้น ที่ใดที่มีความยุติธรรม ที่นั้นก็จะไม่มีปัญหาและทุกคนก็จะมีความสุข เหมือนอย่างเรามีลูก ถ้ามีลูก 2 คนแล้ว พ่อแม่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน ลูกคนที่ได้รับความรักน้อย ก็จะไม่รักพี่หรือน้องเขา แล้วความเป็นไปในบ้าน ก็คงเป็นสุขไปไม่ได้ แต่ถ้าทุกคนได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกันความสงบก็จะอยู่ได้
@ตอนนี้นักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล มีคดีที่ต้องขึ้นศาล ท่านมองว่าตอนนี้ สังคมกำลังเผชิญกับอะไร
ทุกคนก็บอกว่าต้องการความปรองดอง แต่มองไม่ออกเลยว่า สิ่งเหล่านี้ คือคำว่าปรองดอง เพราะ ความปรองดองคือ ทั้ง 2 ฝ่ายต้องปรบมือร่วมกันถึงจะเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ต่างคนต่างทำ ใครอยากทำร้ายใครก็ทำ ใครอยากพูดอะไรก็พูด คนที่น่าสงสารที่สุดคือ ประเทศชาติ และประชาชน
@ สาเหตุที่ท่านผู้หญิง ขึ้นเวทีคนเสื้อแดง
วัตถุประสงค์ที่พี่ขึ้นเวทีคนเสื้อแดง เพราะ พี่ไม่เคยคิดว่าคนเสื้อแดงเป็นคนอื่น ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้าย หรือเป็นอะไรก็ตามที่เขาจะถูกกล่าวหาให้เป็น
พี่เชื่อว่า เขาเป็นประชาชนชาวไทย เป็นคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์เลย ที่เขามีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนกับทุกคน เพียงแต่ว่าการแสดงออกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การที่พี่ขึ้นเวทีเสื้อแดง เป็นเรื่องผิดเหรอ ถ้าพี่จะขึ้นไป เพื่อจะให้เขากลับเข้ามาหาสถาบัน ให้ทุกคนยอมรับว่าเขาคือคนไทย แล้วพี่ไม่ชอบให้มีเสื้อสี อยากให้ทุกคน สีเดียวกันหมด เหมือนสมัยก่อน
ประชาชนชาวไทยทุกคนคือลูกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตอนบ้านเมืองสงบประชาชนมีความสุขแค่ไหน ตอนงานครองราชย์ 60 ปี ชาวโลกอิจจฉา และถามว่า ทำอย่างไรประชาชนชาวไทยจึงได้ถวายความจงรักภักดีขนาดนี้ ฉะนั้น อย่าไปแยกคนที่สีเหลือง สีแดง มันไม่ใช่ เพราะทุกคนคือคนไทย พี่อยากดึงเขากลับเข้ามาเป็นลูกของพระองค์ท่านเหมือนเดิม
พี่ไปจังหวัดสกลนครมาได้เข้าไปเยี่ยมพระตำหนักภูพิงค์ ไปเดินดู แล้วร้องไห้เลย พี่คิดถึงสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เพราะเคยตามเสด็จ ในช่วงปลายปีแบบนี้ ตอนท่านเสด็จสกลนคร พี่นึกถึงภาพ พระองค์ท่านเสด็จออกเยี่ยมราษฎร ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย เสด็จออกแต่เช้า แล้วบางทีก็ไม่ได้เสวยตอนกลางวัน พระกระยาหารต้องใส่ปิ่นโต ไปเสวย แล้วประทับบนเสื่อ ไม่มีเก้าอี้ บางครั้งเป็นลานศาลาวัด แล้วมีชาวบ้านมานั่งเต็มเลย ชาวบ้านเหล่านั้น ก็คือ คนอีสาน ซึ่งขณะนี้ คนอีสาน เป็นจำนวนมากถูกกล่าวหาว่า เขาไม่จงรักภักดี เพราะ เขาเป็นเสื้อแดง หรือไปกล่าวหาว่า เขาเป็นอย่างงั้น เขาเป็นอย่างงี้
ทั้งที่คนเหล่านั้น เคยมาเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ เคยกราบพระบาท รับพระราชทานความช่วยเหลือจากพระองค์ท่าน ตลอดเวลาที่พระองค์เสด็จ แล้วตอนนี้ ประชาชนถูกกล่าวหาว่า พวกเขาจะล้มล้างสถาบัน เป็นเรื่องน่าเศร้า
@ เหตุใดท่านผู้หญิง อยากดึงเขากลับมา
ไม่ได้รู้สึกว่าเขาห่างเหิน แต่รู้สึกเขาถูกกล่าวหาว่าแยกออกจากสถาบัน แม้แต่ตัวพี่เองก็ถูกกล่าวหาว่าแยกออกมาจากสถาบัน แต่พี่พูดได้เลยว่า ความจงรักภักดี ที่พี่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์ แล้วพี่ไม่เชื่อว่า ใครจะรักพระองค์ท่านมากกว่าพี่ ในชีวิตนี้ ใครที่ทำถวายมากกว่าพี่ ไปเอามาเลย
ถึงทุกวันนี้ พี่ไม่ได้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พี่อยู่ตรงนี้ พี่ก็ทำทุกอย่าง ที่จะถวายใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ
เพราะฉะนั้น คนที่พยายามยัดเยียด แล้วแยกว่าคนอื่นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาไม่ได้รักสถาบัน ไม่ได้รักประเทศไทยหรอก
ถ้าเขารัก ก็ต้องดึงให้ประชาชนทุกคนกลับเข้าหาสถาบัน
@ ความรู้สึกเป็นอย่างไร เมื่อครั้งขึ้นเวทีเสื้อแดง
ตอนแรกมีคนเตือนว่าไม่ให้ขึ้นเวที เพราะเขาเกรงว่า พี่จะไม่ได้รับการต้อนรับจากคนเสื้อแดง เพราะพี่เป็น “ท่านผู้หญิง” แต่ปรากฎว่า เมื่อขึ้นไปแล้วได้รับการตอบรับอย่างดี ได้นำเขาจุดเทียน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา เขาก็ร่วมจุดเทียน ร่วมร้องเพลง พี่ขึ้นเวทีเสื้อแดงแล้วผิดตรงไหน
คำว่า “ไพร่”สำหรับพี่เป็นคำที่ “โก้มาก” เพราะ “ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน” เป็นคำที่มีมาแต่โบราณ ทุกคนคือไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ส่วนคำว่าอำมาตย์ เขาคงหมายถึงคนบางคน ซึ่งจริงๆ เขาน่าจะพูดตรงๆ เพราะ เมื่อไม่เอ่ยชื่อ ทำให้ถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน แต่พี่ชอบพิสูจน์ความจริง เคยได้คุยกับแกนนำ นปช. ทั้ง คุณวีระ ณัฐวุฒิ จตุพร และวิภูแถลง (วีระกานต์ มุสิกพงษ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, จตุพร พรหมพันธุ์, วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย) เขาไม่ได้มีจิตใจคิดล้มล้างสถาบัน และถ้าคนเสื้อแดงคิดล้มล้างสถาบันจริงๆ เขาคงไล่พี่ลงจากเวทีแล้ว
@ มีการเรียกร้องจากนักวิชาการและการเข้าชื่อของประชาชน ให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมาย ก็สงสัยว่า พวกนี้คิดจะล้มล้างสถาบัน หรือไม่
ไม่ใช่เรื่องคิดล้มล้างสถาบันหรอก ถ้าเป็นพี่ จะไม่ใช้คำว่า “แก้” แต่ควรจะบอกว่า “เพิ่มเติม” โดย เพิ่มเติม ว่า มาตรา 112 ผู้ที่จะกล่าวหาใครก็ตาม จะต้องเป็นองค์กรเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใครไม่ชอบใคร ก็สามารถไปกล่าวหา แล้วอย่าลืมว่า มาตรา 112 concern กับสถาบัน ถ้าคนเอาไปใช้รังแกกันเอง หรือจะเป็นเรื่องการเมืองก็ตาม โดยเอาสถาบันไปพ่วง เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
คือ คนที่ทำผิดเข้าข่ายมาตรานี้ ก็คงมีอยู่จริง และคนที่ ไม่ได้ทำผิดแต่ถูกกล่าวหา ก็คงมีอยู่จริง เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้ว ควรจะเพิ่มเติม ไม่ต้องแก้ไขหรอก ต้องบอกว่า องค์กรใดเท่านั้น ที่จะแจ้งความได้
ไม่ใช่เหมือน กรณี อากง ผู้ถูกคุมขัง ซึ่งกำลังจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่แกตายก่อน 1 วัน ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ
@ ท่านมองว่าปัญหา มาตรา 112 เกิดจาก กระบวนการยุติธรรมหรือไม่
ปัญหาจริงๆ คือทุกคนเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงผลกระทบ ที่จะก่อความเสียหายต่อประเทศชาติ พี่มองว่าทั้งหมดเป็นเกมส์การเมืองแย่งชิงอำนาจกันหมดเลย ใครจะเล่นยังไงก็เล่น แต่ขออย่าเอาสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือเพื่อจะทำลายอีกฝ่ายเพราะสถาบันต้องอยู่เหนือการเมืองในทุกกรณี
@ มองอนาคตประเทศอย่างไร ขณะที่คนแบ่งเป็นขั้ว เป็นฝ่าย
ตอนนี้ ก็ยังไม่เลิกแบ่ง น่าเศร้าน่าเสียดาย สงสารประเทศไทย แล้วนี่ก็อยู่ในช่วง มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา 5 ธันวาคม การถวายความจงรักภักดี ง่ายมาก หากทุกคนทำให้พระองค์มีความสุข ไม่ใช่มาบอกว่าตัวเอง มีความรัก จงรักภักดี แล้วบอกว่าคนอื่นไม่มีเหมือนตัวเอง
@ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล บอกว่า สีเหลืองในทางการเมือง เป็นสีของพันธมิตรฯ และท้าให้คนเสื้อแดงมาใส่เสื้อเหลือง
คุณสนธิ ไม่จำเป็นต้องมาบอกคนอื่นหรอก เพราะทางการโดยรัฐบาล ก็บอกให้ประชาชนใส่เสื้อเหลือง เนื่องจาก เป็นสีของวันพระราชสมภพอยู่แล้ว
พี่ไปขึ้นเวทีเสื้อแดง มีคนบอกว่าพี่เป็นคนเสื้อแดง แต่พี่มองว่า สีเสื้อไม่มีความสำคัญ ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป เพราะอยู่ที่จิตใจ
การแบ่งสีเสื้อ เหมือนเป็นการแบ่งประชาชนของพระองค์ท่าน มีคนพยายามจะผลักเขาออกไป โดยใช้การกล่าวหา การผลักคนอื่นออกไป เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
@ ท่านเคยถูกกล่าวหากรณีจัดทำเสื้อสีฟ้า เนื่องในวโรกาส 72 พรรษา ความจริงเป็นอย่างไร
เคยมีข้อกล่าวหาต่างๆ เกี่ยวกับการจัดทำเสื้อสีฟ้า แต่ความจริงแล้ว ทั้งเสื้อสีเหลืองและเสื้อสีฟ้า ประชาชนก็อยากซื้อมาสวมใส่อยู่แล้ว จะเห็นได้ว่า ขณะนี้ เสื้อสีเหลืองทุกคนก็อยากใส่ เป็นข้อพิสูจน์ว่าชาวไทยรักพระเจ้าอยู่หัวไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนการทำเสื้อสีฟ้า เป็นการทำจากเงินส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับมูลนิธินพรัตน์ แต่ขายผ่านมูลนิธิฯ เพราะต้องการขายให้ประชาชนทั่วประเทศได้ใส่ จึงต้องอาศัยกระทรวงมหาดไทยจำหน่ายในนามมูลนิธิฯ ซึ่งข้อพิสูจน์ ต่างๆ ดีเอสไอมีข้อสรุปทั้งหมดแล้ว
เงินที่จำหน่ายเสื้อทั้งหมด จะถวายส่วนพระองค์ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้นและได้ทำหนังสือ ถึงท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขาในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ทราบแล้วว่าเงินจำนวนนี้ จากการจำหน่ายเสื้อสีฟ้า จะถวายส่วนพระองค์ ไม่ให้มูลนิธิศิลปาชีพ เพราะไม่ต้องการทำบุญ
เรื่องทั้งหมด ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ (กิติยากร) พระขนิษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ทราบเรื่องดี
@ มีคนบอกว่าท่านผู้หญิงวิระยา ไม่เคยเป็นนางสนองพระโอษฐ์
ไม่เคยเป็นหรอก เพราะ ตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์ เป็นตำแหน่งที่กินเงินเดือนตอบแทน ส่วนพี่ ทำงานไม่ชอบรับเงินเดือน สาเหตุที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท เพราะมีความผูกพัน เนื่องจาก พระมารดาของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ หม่อมหลวงบัว กิตติยากร เป็นเพื่อนรักกับคุณแม่ เป็นนักเรียนโรงเรียนวัฒนา มาด้วยกันและรักกันมาก และท่านผู้หญิงบุษบา ก็เป็นเพื่อนรักกับพี่มาก
@ ท่านมองพลังที่ต่อต้าน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เป็นเพราะอุดมการณ์ต่างกัน หรือเป็นเรื่องส่วนตัว
ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง แต่เป็นเรื่องแย่งชิงอำนาจความเป็นใหญ่ ที่ไม่ว่าใครจะมีอำนาจ ก็จะมีฝ่ายที่ไม่มีอำนาจคอยล้มล้างตลอดไป
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook