หลบหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ไปสัมผัสความหนาว ลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ๆ และบรรยากาศของท้องฟ้ายามเช้าที่เต็มไปด้วยหมอก ปกคลุม ทิวเขาสูงซับซ้อน ทอดตัวยาวสุดสายตา และสถานที่ ที่จะสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้หนึ่งในนั้นก็คงต้องมีชื่อของ “ภูทับเบิก” จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ยามเช้าที่มีทะเลหมอกปกคลุมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย และในช่วงที่อากาศในประเทศเราหนาวแบบนี้เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดที่จะไปสัมผัส ที่เค้าว่ากันว่าเป็นเหมือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
ภูทับเบิก เป็นชื่อของ หมู่บ้านม้งทับเบิก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บนภูเขาสูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ในตำบลวังตาล อำเภอหล่มเก่า ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 100 กม. ชาวม้งที่นี่ยึดอาชีพเกษตรเป็นหลัก พืชผักที่ปลูกมากที่สุด คือ กะหล่ำปลี ซึ่งมีการจัดสรรที่ดินทำกินสำหรับการปลูกกะหล่ำปลีหลายพันไร่บนยอดเขาสูง ทำให้ในช่วงฤดูฝน มีกะหล่ำปลีผุดขึ้นละลานตาเต็มภูเขา โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี ส่วนในราวเดือนธันวาคม-มกราคม จะมี ดอกซากุระ หรือ นางพญาเสือโครงสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา
จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิก คือ การชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา เหนือบรรดาเมฆหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ อีกทั้งยังมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ และปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ และกระแสลมบน ขณะที่ยามเช้าจะมีทะลหมอกปกคลุมเป็นบริเวณกว้างทางด้านทิศตะวันออกที่ติดกับ อำเภอหล่มเก่า ถือเป็นทะเลหมอกที่ใกล้กับผู้ชมมากที่สุด เพราะหมอกทั้งหมดมาออกันอยู่ด้านข้างจุดกางเต็นท์นั่นเอง
นอกจากในยามเช้าจะเห็นทะเลหมอกแล้ว ในยามค่ำคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือนในอำเภอหล่มสัก ที่อยู่เบื้องล่าง เปรียบได้กับ “ดาวบนดิน” จากสภาพดังกล่าว ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศที่หนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า “นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน”
ในส่วนของหมู่บ้านม้งทับเบิก ซึ่งอยู่ด้านในเลยจากจุดชมวิว ยังเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตตามแบบฉบับม้งดั้งเดิมไว้ นอกจากนี้ยังมีวัดป่าบ้านทับเบิก เป็นจุดท่องเที่ยว และจุดชมวิวที่สำคัญภายในหมู่บ้าน เคยเป็นจุดที่ใช้รองน้ำค้างกลางหาว ที่นำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อประกอบพิธีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ โดยวัดตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผา ติดกับอำเภอหล่มเก่า ทำให้มองเห็นวิวในมุมสูงได้สุดลูกหูลูกตา
บริเวณ ภูทับเบิก มีรีสอร์ทที่พักไม่มากนัก แต่มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม แคมปิ้ง จำนวนมาก เต็นท์ที่พักให้เช่า สำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อสัมผัสความหนาวเย็น หรือต้องการชมทะเลหมอกตอนเช้า มีร้านอาหาร และร้านจำหน่ายน้ำดื่มไว้รองรับนักท่องเที่ยว แต่หากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ ควรเตรียมอาหาร และน้ำดื่มมาเอง จะสะดวกที่สุดครับอันนี้ขอแนะนำ เพราะนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ขณะที่ร้านค้ามีไม่เพียงพอกับความต้องการ
การเดินทาง ไปเยือน ภูทับเบิกสามารถเดินทางได้โดยทางรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งสามารถขึ้นเขาได้ทั้งรถเก๋ง และรถกระบะ รถที่จะขึ้นภูทับเบิกต้องตรวจเช็คความพร้อมของเครื่องยนต์ ระบบเบรค และครัชให้ดีก่อนครับ และควรมีกำลังมากกว่า 1500 ซีซี. และข้อสำคัญ คือผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาจะดีมาก
จากกรุงเทพฯ ถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวเมืองมุ่งหน้าไปทางอ.หล่มสัก ก่อนถึงแยกพ่อขุนประมาณ
10 กม. ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองสาย 21 (เลยปั๊ม คาลเท็กซ์ไป 200 ม.) >>> ขับรถไปอีก 6-7 กม. ถึงสี่แยกกกโอ ให้เลี้ยวซ้ายไปทางพิษณุโลก >>> ตรงไปประมาณ 1-2 กม. ถึงสี่แยกไฟแดง หากตรงไปจะขึ้นไปเขาค้อ และพิษณุโลก ให้เลี้ยวขวา เข้าถนนสาย 2372 >>> ตรงไป ประมาณ 13-15 กม. มีป้ายบอกทางภูทับเบิก – ภูหินร่อง-กล้า ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหลายเลข 2331 ขับไปตามเส้นทาง ขึ้นเขา ประมาณ 17.7 กิโลเมตร รวมโค้งหักศอก ทะแยงขึ้น-ลง ได้ประมาณ 111 โค้ง (ในช่วงอ.หล่มสัก-อ.หล่มเก่า มีป้ายบอกเส้นทางไปภูทับเบิกตลอดเส้นทาง)
ระหว่าง นี้ ท่านจะตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติด้านล่างที่สวยงามตลอดเส้นทาง ยิ่งสูงยิ่งสวย เมื่อถึงสามแยกที่มีป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และด่านเก็บเงินค่า ธรรมเนียมอุทยานฯ ให้เลี้ยวขวา ไม่ต้องเข้าไปในอุทยาน แล้วขับตรงไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวขวาขึ้นไปยังจุดชมวิว ขับไปประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเท้าประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงจุดชมวิว…ภูทับเบิก
โดย : กวีหนีเมือง เรียบเรียง
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook