จ.เพชรบูรณ์เตรียมรื้อถอนรีสอร์ทบนภูทับเบิกพร้อมเตรียมเข้าจับกุมรีสอร์ทอีก 11 ราย

[videojs mp4=”http://122.155.92.12/centerapp/UploadFiles/Video/2559/12/20/Mobile/VNOHT591220001028601_20122016_061435.mp4″ width=”640″ height=”480″ autoplay=”true”]

วันนี้(20 ธ.ค.59) ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการตามมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ครั้งที่ 5/2559 โดยมีนายกฤษณ์ คงเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามผลการดำเนินงานพร้อมเตรียมการเข้ารื้อถอนและจับกุมรีสอร์ท

สำหรับการประชุมในวันนี้ได้มีการหารือแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาต่อทรัพย์สินที่รื้อถอนในพื้นที่ป่าภูทับเบิกที่ยังขาดความชัดเจนในทางปฏิบัติ พร้อมชี้แจง (ร่าง)แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิก โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มอบให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบังศึกษาเพื่อจัดทำและนำเสนอ (ร่าง) แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิก ซึ่งปัจจุบันที่ประชุมมีมติรับ (ร่าง) แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิกเรียบร้อยแล้ว โดยแผนแม่บทฯ ได้กำหนดแผนเฉพาะด้าน 6 แผน ได้แก่แผนการบริหารและการจัดการพื้นที่ภูทับเบิก แผนการจัดการพื้นที่ผ่อนปรน แผนการจัดการพื้นที่อยู่อาศัย แผนการจัดการพื้นที่ทำกิน แผนการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และแผนการจัดการพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมรายงานผลการดำเนินการรื้อถอนรีสร์อท 3 แห่ง ได้แก่ บ้านพักสายหมอก สมอวิวรีสอร์ท และเอวารีสอร์ท ที่ได้ทำการรื้อถอนไปเมื่อวันที่ 23 -24 พฤศจิกายน 2559

โดยการดำเนินการต่อไปของจังหวัดเพชรบูรณ์เตรียมที่จะเข้าจับกุมอีก 11 รีสอร์ท ที่มีการถูกบุกรุก ถือครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยป่าไม้บนภูทับเบิก ในวันที่ 21 ธันวาคม 2559 เพื่อนำมาเข้ากระบวนการจัดการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะเข้ารื้อถอนรีสอร์ทที่ถูกคำพิพากษาแล้วแล้วจำนวน 1 ราย คือภูนับดาว รีสอร์ท โดยได้ปิดประกาศให้รื้อถอนเองแล้ว หากยังไม่มีการรื้อถอน เจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอนเอง ในวันที่ 5 มกราคม 2560 โดยเจ้าของรีสอร์ทจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรื้อถอน ทั้งนี้จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติการตามมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิกมาโดยตลอดปัจจุบันมีการดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทแล้วจำนวน 22 แห่ง และจะดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปเพื่อให้ปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ที่มีการถูกบุกรุก ถือครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และนำไปก่อสร้างโรงแรมสถานที่พักตากอากาศและร้านค้าที่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจนั้นหมดไป