ลูกจ้าง รพ.หล่มสัก 30 คน ถูกบุรุษพยาบาลทำงานอยู่ที่เดียวกันฟ้องให้ชำระหนี้ จนถูกอายัดเงินและสิทธิที่ควรได้ พากันไปแจ้งความลงบันทึกกับตำรวจ รอยื่นศาลมีคำสั่งงดบังคับคดี แฉถูกเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน ผิดกฎหมาย…
เวลา 15.30 น. วันที่ 17 ม.ค. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและลูกจ้างโรงพยาบาลหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 30 ราย พร้อมด้วย นายเผาไทย สนิทผล ทนายความ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.นิรุจน์ กองสี พนักงานสอบสวน สภ.หล่มสัก เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่มีข้อพิพาทเรื่องกู้เงินกับเจ้าหน้าที่บุรุษพยาบาลรายหนึ่งของโรงพยาบาลหล่มสัก กระทั่งมีการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดหล่มสัก จนถูกศาลพิพากษาตัดสินให้ชดใช้หนี้สิน
ทั้งนี้ ผู้เสียหายทั้งหมดต้องการแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประสงค์นำเอกสารไปให้ขอให้ศาลจังหวัดหล่มสัก บังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์สาขาหล่มสัก ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีและงดการใช้จ่ายเงินให้คู่ความ เพื่อรอฟังคำสั่งศาลก่อนจะบังคับคดีตามกฎหมาย โดยผู้เสียหายหลายรายถูกอายัดสิทธิเรียกร้อง เงินปันผล เงินเฉลี่ยคืน เงินค่าหุ้นเมื่อพ้นสมาชิกภาพ ทั้งหมดทุกปี จนกว่าจะชำระหนี้ครบตามหมายบังคับ โดยมีผู้เสียหายนับร้อยราย
หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นบุรุษพยาบาลรายนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาล, ลูกจ้างประจำ, ลูกจ้างชั่วคราวภายในโรงพยาบาลหล่มสักนับร้อยคน เรียกเงินดอกเบี้ยสูงร้อยละ 20 บาทต่อเดือน ต่อมาหลังครบกำหนดชำระหนี้ ได้นำสัญญาเงินกู้ยื่นฟ้องผู้กู้ และผู้ค้ำประกัน ตามสัญญาเงินกู้ต่อศาลจังหวัดหล่มสัก
ขณะเดียวกัน ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล บุรุษพยาบาลคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมฉ้อฉล ที่ไม่ให้ผู้กู้ไปต่อสู้คดีที่ศาล เช่น เมื่อศาลส่งหมายเรียกผู้กู้ให้ไปศาล แต่เอกสารไม่ถึงมือผู้กู้ และไม่ได้รับหมายเรียก หรือไปถึงหน้าห้องพิจารณาคดีที่ศาลแล้วบอกผู้กู้ว่า ไม่ต้องเข้าไปเพราะศาลจะไกล่เกลี่ยในภายหลัง จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาพิจารณาคดีลับหลังผู้กู้ และมีการยึดทรัพย์ผู้กู้ หรือผู้กู้ชำระหนี้ใกล้หมดแล้ว แต่ทำหนังสือทวงหนี้ในยอดเงินที่สูงกว่าอัตราที่ยังค้างชำระอยู่
ต่อมา หลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว มีผู้เสียหายลงชื่อจำนวน 8 ราย ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา เพิ่งมีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 เพิ่มโทษบุคคลใดที่ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทําการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอําพราง
(1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนดไว้
(2) กําหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจํานวนเงินกู้หรือเรื่องอื่นๆ ไว้ในหลักฐานการกู้ยืม หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนด หรือ
(3) กําหนดจะเอาหรือรับเอาซึ่งประโยชน์อย่างอื่นนอกจากดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือสิ่งของหรือโดยวิธีการใดๆ จนเห็นได้ชัดว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืมเงิน
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ.<
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/838128‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook