วันที่ 3 มีนาคม นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 6 (เพชรบูรณ์) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย (LIMEC Committee) ได้ผนวกเส้นทางเพชรบูรณ์ ไชยะบุรี หลวงพระบางผ่านด่านนากระเซ็ง (ท่าลี่ จ.เลย) หรือ “Third Gateway” ประตูที่ 3 ด่านนากระเซ็ง เพื่อเพิ่มศักยภาพและเชื่อมโยงทางเข้าออกกลุ่ม LIMEC (ไทย พม่า ลาว) เป็น 3 ช่องทางตามข้อเสนอของคณะทำฝาน LIMEC เพชรบูรณ์ ว่าขอสนับสนุนเส้นทางนี้เพราะหากผ่านด่านนากระเซ็งจะออกไปหลวงพระบาง และจากหลวงพระบางก็ขึ้นไปที่เชียงรุ้งประเทศจีน และอีกส่วนจากหลวงพระบางก็จะไปที่เดียนเบียนฟูประเทศเวียดนาม ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดเลยได้นัดผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว โดยจะมีการประชุมร่วมก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ โดยจะเป็นการประชุมร่วมกับระหว่างเลยกับเพชรบูรณ์แล้วจะแพครวมกัน เพื่อจะเชื่อมโยงกับหลวงพระบางและยังจะโยงขึ้นไปประเทศจีนและเวียดนาม ฉะนั้นบรรยากาศความร่วมมือใน 4 ประเทศคงจะเกิดขึ้นในไม่นานนี้
“ฉะนั้นในอนาคตด่านนากะเซ็งจะมีความสำคัญมาก โดยเทียบเท่ากับด่านที่ออกไปทางนครพนม ซึ่งด่านนครพนมเชื่อมโยงกับจีนสำเร็จไปแล้ว ขณะนี้ตัวเลขส่งออกนำเข้าจากแค่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท แค่ 4 ปีที่ผ่านมาตอนนี้เกือบ 2 แสนล้านบาทแล้วสำหรับด่านที่นครพนม เป็นรองแค่ที่ปาดังเบซาร์และที่สะเดาเท่านั้นเอง ในขณะที่แม่สอดแค่ราว 1.5 แสนล้านบาท ฉะนั้นด่านนากระเซ็งหากเชื่อมไปที่เมืองจีนยอดนำเข้าส่งออกเวลานี้ยังแค่ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ในภายภาคหน้าอาจจะขึ้นไปหลายหมื่นล้านบาทเช่นกัน และด่านนากระเซ็งต่อไปจะมีความหมายมากในภาพรวมระดับประเทศ” นายกิตติพันธ์กล่าว
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook