LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์
[videojs mp4=”http://122.155.92.12/centerapp/UploadFiles/Video/2560/04/28/Mobile/VNOHT600428001025301_28042017_061538.mp4″ width=”640″ height=”360″ autoplay=”true”]
อธิบดีกรมป่าไม้ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการรุกยึดถือครอบครองพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่อำเภอเขาค้อ
วันนี้(28 เม.ย.60) เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะ ตรวจติดตามและร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการรุกยึดถือครอบครองพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมี นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า พื้นที่เขาค้อได้ถูกนายทุน นักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง อดีตข้าราชการ ตลอดจน รอส. บุกรุกพื้นที่เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ ร้านอาหารและโรงแรม ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของโครงการด้วยการซื้อขายสิทธิ์ทำกินในที่ดิน รอส. หรือเช่าช่วงบุกรุกที่สาธารณะในพื้นที่โครงการและมีการดำเนินการไม่เหมือนกับการดำเนินที่ภูทับเบิก ซึ่งกรมป่าไม้ขอยืนยันตลอดว่าได้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎหมายและคำสัง คสช. โดยจะบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลซึ่งไม่มีสิทธิในที่ดินของรัฐโดยเฉพาะกลุ่มนายทุน สำหรับในกรณีของเขาค้อจากการที่ได้หารือกันและได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ในอดีตพื้นที่เขาค้อท.ภ.3 /กอ.รมน. ภาค 3 ได้ขอใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่เขาโปกหล่น เขาปางก่อ และเขาวังชมพู จากกรมป่าไม้ รวมทั้งหมด 5 ครั้ง 8 แปลง รวมพื้นที่ 126,368 ไร่ โดยจะมีการเข้าไปตรวจสอบสิทธิของราษฎรและการถือครองของราษฎร ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินการ 90 วัน โดยจะเริ่มตังแต่เดือน พฤษภาคม – กรกฎาคม 2560 ซึ่งจะทำการสำรวจพื้นที่ทั้งหมด และหลังจากการสำรวจแล้วก็จะดำมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายของการใช้ประโยชน์ที่ดินต่อไป
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติทั้งหมดจะยึดวัตถุประสงค์ที่ขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวจากกรมป่าไม้คือวัตถุประสงค์ทางการเกษตร และข้อบังคับของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 จำนวน 19 ข้อ ขั้นตอนแรกคือการสำรวจพื้นที่ทั้งหมดโดยจะดำเนินการในที่ดิน รอส. เป็นลำดับแรก และพื้นที่นอกแปลงทั้งหมดที่กองทัพภาค 3 ขอใช้ประโยชน์ ว่ามีการใช้ประโยชน์ประเภทใดบ้างไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาคารบ้านพัก พื้นที่เกษตรกรรมและจะนำข้อมูลมาพิจารณา หากผู้ครอบครองรายใดที่ไม่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่ รอส. หรือทางกองทัพกำหนดไว้ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้พื้นที่เขาค้อมี 2 บริเวน คือพื้นที่ รอส. และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้รับผิดชอบ มีรีสอร์ททั้งหมด 694 รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ รอส. 631 รีสอร์ท และอยู่ในที่พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่กรมป่าไม้รับผิดชอบ 63 รีสอร์ท โดยกรมป่าไม้ได้ดำเนินคดีกับรีสอร์ทตามกฎหมายแล้ว 36 รีสอร์ท คงเหลืออีก 27 รีสอร์ทที่จะต้องตรวจสอบ และดำเนินการเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย สำหรับในส่วนของ รีสอร์ทในเขต รอส. จะมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ยังเป็นสมาชิก รอส. จะดำเนินการสำรวจตรวจสอบและชี้แนวเขต และในส่วนของกลุ่มที่ครอบครองที่ไม่ใช่สมาชิก รอส. จะมีการติดประกาศแจ้งเตือน และเปิดโอกาสให้ยื่นเอกสารการครอบครองและแสดงตน โดยจะมีการแจ้งเตือนสามครั้งภายใน 60 วัน ถ้าไม่มีการมาแสดงตนก็จะดำเนินการตามกฏหมายต่อไปโดยขั้นตอนทั้งหมดจะขออำนาจการดำเนินการจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ออกคำสั่งในการปฏิบัติงาน’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook