เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม นายสมศักดิ์ ทองจันทร์ ประธานเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลเขาค้อ และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมป่าไม้ จ.เพชรบูรณ์ และทหารจับมือกันแก้ไขปัญหาการครองครองที่ดิน รอส.ใน 4 ตำบลของอ.เขาค้อ ว่า เรื่องที่ดินราษฎรอาสาสมัคร(รอส.)ที่เขาค้อต้องพูดความจริงกัน การที่ภาครัฐไม่ได้เหลียวแลทำให้ รอส.เกิดความเดือดร้อน โดยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ไม่เคยมีการหยิบยื่นและจับเรื่องนี้มาพูดคุยกันอย่างจริงจัง พอมีการร้องเรียนขึ้นมาก็จะมาพูดกันครั้งหนึ่ง ทำให้เขาค้อย่ำอยู่กับที่เดินหน้าไม่ได้ เวลานี้ต้องนับหนึ่งกันใหม่และอย่าเอาบริบทของภูทับเบิกมาคาบเกี่ยวกับเขาค้อ โดยพื้นที่เขาค้อเคยมีการสู้รบและมีการมอบที่ดินให้เพื่อเป็นการตอบแทน แม้เวลานี้การสู้รบจะจบไปแล้วแต่ความเป็นอยู่ของ รอส.ยังคงอยู่
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญก็คือ รอส.ไม่ได้อยู่คนเดียวแต่ยังมีลูกเมียครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู เมื่อเดือดร้อนจะวิ่งไปหาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ก็ไม่ได้ หรือวิ่งไปหาภาครัฐก็ไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือ จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือตนเองโดยการแบ่งขายที่ดินให้แก่ผู้ประกอบการ และตามข้อเท็จจริงบนเขาค้อไม่มีนายทุนเพราะมีที่ดินแค่เพียง 10-20 ไร่ ไม่ได้เข้าข่ายนายทุน เต็มที่ก็เพียงแค่มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพื่อให้ รอส.ยังอยู่ได้ จึงต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ทางราษฎรเขาก็มีความจำเป็นและเดือดร้อน ไม่มีใครอยากทำผิดแต่เมื่อเดือดร้อนก็ต้องช่วยตัวเองก่อน โดยการนำที่ดินไปขายหรือจำนองจนที่ดินถูกเปลี่ยนมือไป
นายสมศักดิ์ยังตอบข้อถามถึงภาพที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่มีการจับกุมรีสอร์ทและสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะชี้ชัดว่าเป็นของนายทุนรายใหญ่ด้วยว่า “ก็ไม่ได้ไปปฏิเสธเพราะเมื่อเขามาลงทุนก็พยายามทำให้คุ้มค่า แต่ภาครัฐก็ไม่ได้ดูแลอย่างจริงจัง ปล่อยปละละเลย ถามว่าเมื่อตอนก่อสร้างทางภาครัฐโดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่จะไม่รู้ไม่เห็นเลยเหรอ ก็เป็นไปได้ที่หน่วยงานเหล่านี้จะดูแลไม่ทั่วถึงจึงทำให้มีคนไปร้องเรียน แต่เมื่อเป็นที่ดิน รอส.การตัดสินครั้งสุดท้ายก็อยู่ที่ กอ.รมน.ภาค 3 อยู่ที่ทหารจะตัดสินใจอย่างไร จะให้หยุดดำเนินการหรือปรับปรุงกฎกติกา
“การสู้รบจบแล้วแต่บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ฉะนั้นจึงอยากให้นับหนึ่งใหม่โดยให้เรียกทั้งผู้ประกอบการทั้งหมดกับรอส.และ กอ.รมน.รวมทั้งฝ่ายปกครองในพื้นที่และป่าไม้ มาพูดคุยทำความเข้าใจโดยจะออกกฎกติกามาอย่างไรก็ให้มาร่วมกันเพื่อให้ทิศทางจบลงด้วยความสวยงาม” นายสมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำชี้แจงเหมือนจะโทษภาครัฐเป็นสาเหตุใหญ่ทำให้ที่ดิน รอส.ถูกซื้อขายเปลี่ยนมือ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จริงๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งเป็นการปล่อยปละละเลยโดยประมาทหรือจงใจตนไม่รู้ เพราะไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ ทั้งที่รู้อยู่ว่าปี 2550 จะครบกำหนดการขอใช้พื้นที่แต่คืนไม่ได้ทั้งที่ควรมีแผนรองรับอย่างรอบด้าน ที่ผ่านมาเหมือนปากว่าตาขยิบจนท้ายที่สุดก็เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น จะโทษราษฎรหรือ รอส.อย่างเดียวไม่ได้ เรื่องนี้ต้องโทษภาครัฐด้วย เพราะตอนเอาเขาขึ้นมารับปากจะดูแลและให้ความเชื่อมั่นกับเขาไว้ขนาดไหน แต่พอถึงเวลาดูแลแบบไม่ได้ดูจึงทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ตามมา
นายสมศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่จะมีการบังคับกฎหมายใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการต้องไปดูว่า ผู้ประกอบการเหล่านี้เข้ามาเพื่ออะไร เข้ามาด้วยความจำเป็นหรือเข้ามาด้วยการขอร้องจากรอส. ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 99 เข้ามาโดยการขอร้องของรอส.ซึ่งได้ขายที่ดินให้ ตนไม่ได้ปกป้องแต่มองด้วยความเป็นธรรม และเมื่อที่ดินถูกเปลี่ยนมือได้ก็เริ่มมีการปลูกสร้างและเวลาขึ้นเสาเทคาน พื้นที่ก็อยู่ในความดูแลหรือปกครองโดยภาครัฐทำไมไม่ห้ามปรามกลับปล่อยให้ก่อสร้างกันไป ก็ไม่รู้ว่าผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า
เมื่อถามอีกว่าที่ดินตรงพื้นที่กำหนดไว้นี้ห้ามซื้อขาย นายสมศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า ประเด็นนี้ที่มีการถกเถียงกันตลอดก็ยอมรับ แต่จะหาคนถูกในอำเภอเขาค้อ โดยเฉพาะรอส.ขณะนี้มี 1,753 ราย จะมีคนถูกแค่ 20 ราย ฉะนั้นก็ต้องปิดอำเภอไปหากภาครัฐจะทำแบบนั้น หากฟังไม่ผิดอธิบดีกรมป่าไม้รับปากจะดูรอส. แต่ผู้ประกอบการก็ต้องดูว่าผิดเงื่อนไขหรือไม่ สรุปแล้วก็ผิดทั้งหมด แต่โดยความจริงทหารเขาดูว่ารอส.เดือดร้อนหรือไม่ กรณีแบบนี้คนที่เดือดร้อนที่แท้จริงคือใครที่ร้องกันอยู่ทุกวันนี้
“อย่างนายศรีสุวรรณ จรรยา ไปร้องที่ทำเนียบและสำนักนายกฯ เหตุและผลเนื่องจากอะไร ซึ่งเขาบอกว่าจะลดโลกร้อน หากไปดูในภาพรวมของเขาค้อวันนี้มีป่ามากที่สุดใน จ.เพชรบูรณ์และยังเพิ่มป่าอยู่ตลอด กลุ่มชมรมหรือองค์กรปกครองในเขาค้อก็ปลูกป่าพยายามร่วมไม้ร่วมมือกันเพิ่มพื้นที่ป่าโดยตลอด ส่วนจะอ้างเรื่องผิดเงื่อนไขก็ต้องผิดทั้งคู่โดยภาครัฐปล่อยปละละเลย ส่วนรอส.ผิดที่เปลี่ยนมือที่ดินแต่เพราะมีความจำเป็น” นายสมศักดิ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ นายสนั่น พงษ์อักษร ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานสำรวจข้อมูลพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ ท้องที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้เชิญหัวหน้าชุดปฏิบัติการจำนวน 22 ชุด เพื่อซักซ้อมความเข้าใจพร้อมมอบภารกิจในการลงพื้นที่สำรวจ รอส.และการครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดิน รอส.ในปัจจุบัน ใน 4 ตำบลของ อ.เขาค้อ ได้แก่ ต.เขาค้อ ต.สะเดาะพง ต.ริมสีม่วง และต.หนองแม่นา ซึ่งกำหนดระยะเวลาการสำรวจภายใน 90 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการสำรวจตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
ภาพข่าวมติชนออนไลน์ติดตามอ่านข่าวได้ที่ http://www.matichon.co.th/news/549810
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook