มีจดหมายของคนเป็นแม่ร้องขอความยุติธรรมให้กับ ด.ช.ไกลกังวล บุราณรักษ์ อายุ 14 ปี ลูกชายที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 25 เมษายน เวลา 22.30 น. ขณะขี่รถจักรยานยนต์พร้อมกับเพื่อน กลับบ้านที่อำเภอหล่มเก่า หลังจากไปเที่ยวงานประจำปีศาลหลักเมือง ตำบลบุ้งน้ำเต้า อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
จุดเกิดเหตุบริเวณทางโค้งบ้านบุ่งน้ำเต้า จุดนั้นไม่มีแสงสว่าง ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของเพื่อน ขณะนั้นมีรถโดยสารปรับอากาศประจำทางขับผ่านมาพอดีทำให้เหยียบศีรษะ ด.ช.ไกลกังวลเสียชีวิตทันที คนขับรถโดยสารประจำทางไม่สนใจไยดี ไม่ให้ความช่วยเหลือ ขับรถหลบหนีไป ต่อหน้าเพื่อนคนตาย
จนถึงทุกวันนี้ ตำรวจยังจับกุมผู้กระทำความผิดไม่ได้ แม่ของเด็กขอความกรุณาผู้โดยสารหรือผู้เห็นเหตุการณ์ ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนขับ หรือรถโดยสารปรับอากาศประจำทางที่ก่อเหตุด้วย รถบัสคันเท่าบ้าน หายไปอย่างไร้ร่องรอย สารบบขนส่งไม่ปรากฏว่า มีรถโดยสารในช่วงเวลานั้น สรุปยังหาข้อมูลเอาผิดใครไม่ได้เลย กล้องวงจรปิดตามสี่แยกเสียหลายจุด คนตายทั้งคน จับมือใครดมไม่ได้เลย
เอกสารที่ขนส่งส่งมาให้ตำรวจก็มีพิรุธ เขียนด้วยดินสอในเที่ยวที่ 7 และ 8 มีรถโดยสารประจำทางขับจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าอำเภอหล่มสัก ผ่านขนส่งในเมืองเพชรบูรณ์ เวลา 21.40 น. และ 23.30 น. แต่กล้องวงจรปิดที่ตำบลท่าพล ห่างเมืองเพชรบูรณ์ไม่มาก กลับมีรถโดยสารประจำทางขับผ่าน 2 คัน ในเวลา 22.33 น. และ 22.52 น.
ทำให้ครอบครัวเป็นกังวลว่า เอกสารที่ขนส่งส่งให้ตำรวจเชื่อถือ ได้หรือไม่ เนื่องจากใช้ดินสอเขียน และขัดแย้งกับภาพจากกล้องวงจรปิด สิ่งที่เป็นกังวลมากที่สุดคือ ผลพิสูจน์จากกองวิทยาการตำรวจ ได้นำรถ จยย.ที่เกี่ยวกันล้มทั้ง 2 คัน ไปตรวจพิสูจน์ และมีความเห็นว่า สีฟ้าที่ติดมากับรถ จยย.ของผู้ตาย เป็นสีฟ้าของนอต 2 ตัว ที่ใช้ปิดแผ่นป้ายทะเบียน
ขัดแย้งกับสีฟ้าที่ติดตัวผู้ตาย
สีฟ้าที่ติดรถผู้ตายหลายจุด เหนือโคมไฟด้านหน้า โช้กอัพหน้าฝั่งซ้ายทั้งแถบ บังโคลนหน้าฝั่งซ้าย และบังลมซ้าย สีที่ติดกระจายอยู่หลายจุด ไม่น่าจะเป็นสีนอตรถ จยย.อีกคัน ตามผลพิสูจน์กองวิทยาการตำรวจ
แต่ไม่มีใครพูดถึงสภาพศพที่ถูกรถทับเสียชีวิต หากผลพิสูจน์คลาดเคลื่อนข้อเท็จจริง อาจจะทำให้คดีนี้ยกฟ้อง เกรงว่าข้อพิรุธที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดขึ้นจาก อำนาจของกลุ่มบุคคลที่อยู่เหนือกฎหมาย เป็นไปได้
อยากร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ใหญ่ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรง ช่วยมาดูแลคดีนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย หัวอกแม่ร้องไห้ จนไม่เหลือน้ำตา ไม่มีใครสนใจช่วยเหลือ
เพราะเราเป็นแค่คนธรรมดา.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook