ผัวเมียที่เพชรบูรณ์ ชีวิตคู่มีปัญหาหลังผัวเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม แล้วให้เมียเปลี่ยนตาม กลายเป็นความขัดแย้ง สุดท้ายเมียบ่น ไม่ยอมช่วยทำงาน ผัวเลยชักปืนยิงทั้งเมีย แม่ยายสาหัส
หล่มสัก
เวลา 09.20 น. วันที่ 19 มิ.ย. พ.ต.ต.ประภาส บุญสิงห์ พนักงานสอบสวนสภ.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 2 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน ญาตินำส่งโรงพยาบาลหล่มสัก เบื้องต้นอาการสาหัสอยู่ห้องไอซียู จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นิคม พรหมพิราม ผกก.สภ.หล่มสัก พ.ต.ท.นวพล ครามวิชิตกุล รองผกก.สส. พ.ต.ต.นิวัฒน์ วูวงศ์ สวส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลหล่มสัก
ทราบชื่อคนเจ็บ คือ นางสุพรรณ มีเณร อายุ 63 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. มีบาดแผลที่กระดูกต้นคอด้านหลัง แขนซ้าย ขาซ้าย สะโพกซ้าย และลูกสาวชื่อน.ส.บังอร มีเณร อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถูกยิงที่หัวไหล่ซ้าย ปอดซ้าย ขาซ้าย อาการสาหัสทั้งสองคน
เบื้องต้นแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกับ น.ส.บังอร และเจาะระบายเลือดออกจากปอด สอบสวน น.ส.บังอร พอให้การได้เล็กน้อยว่ามือปืนไม่ใช่ใครที่ไหนคือสามีชื่อนายจเร เกี่ยวพันธ์ อายุ 42 ปี ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบ 2 ปี สามีได้เข้านับถือศาสนาอิสลาม และมาชักชวนให้ตนกับลูกเข้ามานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน แต่ตนไม่ยอมทำให้สามีไม่พอใจและมีปากเสียงทะเลาะกันตลอดมา ทั้งเรื่องการแบ่งภาชนะใส่อาหารและอาหารที่ไม่มีเนื้อหมู ทำให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิต
นางสาวบังอร กล่าวอีกว่า ที่สำคัญสามีจะทำละหมาดตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน และทำอีกหลายครั้งตลอดทั้งวันประมาณ 4-5 ครั้ง จึงทำให้ไม่มีเวลาไปช่วยกันประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยช่วงเช้าวันเกิดเหตุตนเองและมารดานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าทีวีภายในห้องครัวหลังบ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของแม่ ผู้ตายได้พกปืนเดินเข้ามาและเกิดมีปากเสียงกันเรื่องเดิมคือเรื่องขอให้เปลี่ยนศาสนา จึงบอกว่าให้มาช่วยกันทำมาหากินบ้าง ปล่อยให้ทำงานเพียงลำพังคนเดียว จู่ๆ สามีก็ชักปืนพกออกมากระหน่ำยิงตนและมารดา หลังถูกยิงตนเองยังพอมีสติจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งอาชื่อนางหนูพิศ สว่างภักดี ให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลหล่มสัก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่บริเวณเก้าอี้ไม้ในห้องครัวพบหยดเลือดกองใหญ่และพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. จำนวน 6 ปลอก และหัวกระสุน 4 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นางหนูพิศ สว่างภักดี อายุ 63 ปี อาของน.ส.บังอรให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวมีหลานสาวคือน.ส.บังอรอาศัยอยู่กับมารดาพร้อมด้วยสามีและบุตรชายชื่อ ด.ช.จารุวัฒน์ เกี่ยวพันธ์ อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.3 ร.ร.เมตตาวิทยา ประกอบอาชีพทำการเกษตร ทราบว่าน.ส.บังอรหลานสาวมีปากเสียงกับสามีคือนายจเร เกี่ยวพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 78/6 หมู่ 3 ต.วังวน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นประจำเรื่องที่นายจเรไปนับถือศาสนาอิสลามและจะให้หลานสาวพร้อมลูกชายไปนับถือศาสนาอิสลามตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงเกิดเหตุตนเองได้รับโทรศัพท์จากหลานสาวแจ้งว่าถูกสามียิง ขอให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลด้วย จึงรีบแจ้งให้นายสมเดช มีเณร พี่ชาย น.ส.บังอร และนายไพรวัลย์ พิมพ์แก่น ลูกเขยของตนเองรีบไปช่วยกันนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลหล่มสัก ส่วนนายจเรหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้าวีโก้แบบแค็บสีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตล 4926 กทม. หลบหนีไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติพบว่า นายจเรครอบครองปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อกล็อกขนาด 11 มม. และพบโทรศัพท์ของนายจเรภายในบ้าน ตรวจสอบรายชื่อพบว่านายจเรได้ตั้งชื่อภรรยาเป็นภาษาอิสลามว่า นูรียะห์(อร) จากนั้นตำรวจได้ไปเฝ้าโรงเรียนเมตตาวิทยาคมเพราะเกรงว่านายจเรจะแอบมารับตัวบุตรชายไป และวิทยุแจ้งสกัดจับรถของนายจเรแต่ไม่พบแต่อย่างใด
ขอขอบคุณที่มาข่าว https://www.thairath.co.th/content/1312169
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook