วันที่ 11 กรกฎาคม นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์คนใหม่ กล่าวระหว่างประชุมมอบนโยบายให้หัวหน้าส่วนราชการภายในจังหวัดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมาถึงการแก้ไขปัญหาเขาค้อและภูทับเบิกว่า สองเรื่องนี้มีคนโทรไปหาค่อนข้างเยอะว่าผู้ว่าฯจะเอายังไง ก็ตอบไปเลยว่าจะดำเนินตามตามขั้นตอนของกฎหมาย ผู้ว่าฯไม่มีนโยบายและมีนโยบายไม่ได้ เพราะผู้ว่าฯทำหน้าที่ตามรัฐบาลสั่งเท่านั้น เพราะอย่างนั้นภูทับเบิกกับเขาค้อทำมาอย่างไงก็ทำไปให้จบไม่มีนโยบายใหม่ เพราะฉะนั้นใครจะถามอะไรก็ตอบตามนี้เลย แต่ว่ามีอะไรที่ทำได้แต่ช้าว่ามา อย่างเช่น ลุ่มน้ำ 3,4,5 ในเขตพื้นที่ป่าไม้หากทำตามนโนบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)ได้ให้ทำเลย
“เหมือนที่ผมทำที่แม่ฮ่องสอนให้กรมที่ดินทำเล่มนายกรัฐมนตรีมาแจกเล่มให้เลย แบบนี้หากเพชรบูรณ์มีว่ามาได้เลย เพราะเราใช้งบฯจังหวัดหรืองบฯซีอีโอที่มีก็ให้ป่าไม้ทำ อย่างตอนนี้ในเขตอุทยานแม่ฮ่องสอนก่อนย้ายมาก็ให้งบฯไปทำทุกหมู่ในเขตอุทยานฯให้หมด เพื่อจะกันเขาออกให้ราษฎรอยู่ได้ในเขตอุตสาหกรรม ฉะนั้นมาอยู่ที่นี่มีเรื่องป่าไม้มีการพูดกันเยอะ อะไรผิดว่าไปตามผิดอะไรถูกว่าไปตามถูก แต่ถ้ามีอะไรถูกแล้วช้าช่วยได้ อย่าง คทช.งบกรมป่าไม้มีให้ 500 แปลงแต่ถ้าจริงในจังหวัดเป็นหมื่นแปลงผู้ว่าจัดงบฯให้ได้แต่ขอให้ป่าไม้ดำเนินเรื่องมาก่อน”นายสืบศักดิ์กล่าว
ข่าวแจ้งว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ดินภูทับเบิกนั้น ยังมีรีสอร์ทซึ่งผู้ประกอบหรือเจ้าของเป็นคนนอก และถูกจับกุมดำเนินคดีเหลืออีก 5 ราย และอยู่ในขั้นตอนรอให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดหล่มสัก จากนั้นจะเข้าสู่ขบวนการรื้อถอนตามคำสั่ง หน.คสช.ที่ 35/2559 ส่วนรีสอร์ทซึ่งผู้ประกอบการหรือเจ้าของเป็นชาวม้งในพื้นที่ภูทับเบิกจำนวน 50 รายและอยู่ในพื้นที่ผ่อนปรนตามแผนแม่บทนั้น เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ แม้ก่อนหนานี้ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ทำหนังสือหารือไปยังกระทรวง พม.และได้รับคำยืนยันว่าอยู่ระหว่างดำเนินการก็ตาม แต่หลังเวลาผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงส่งผลให้แผนจัดระเบียบตามแผนแม่บทต้องหยุดชะงักไปต่อไม่ได้
ส่วนการสะสางปัญหาที่ดินที่อ.เขาค้อ ล่าสุดมีการเปิดปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับ 135 รีสอร์ทนอกแปลงที่ดินรอส.และอยู่ในเขตป่าที่ทหารขอใช้จากกรมป่าไม้เนื้อที่ 1.2 แสนไร่เศษ ซึ่งคณะทำงานชุดปฏิบัติการฯกำหนดแผนปฏิบัติการระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมนั้น ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทำการจับกุมรีสอร์ทเป้าหมายเหล่านี้ไปแล้วจำนวน 111 ราย ทำให้เหลือรีสอร์ทอีก 24 เป้าหมายซึ่งถือเป็นล็อตสุดท้ายในกลุ่ม 135 รีสอร์ทที่ต้องตรวจสอบจับกุมต่อไป อย่างไรก็ตามทางชุดปฏิบัติการฯได้กำหนดจับกุมรีสอร์ทในชุดสุดท้ายนี้เพื่อปิดจ็อบกลุ่มรีสอร์ท135 รายในวันพรุ่งนี้
ขอขอบคุณที่มาข่าวมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1038364‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook