กรณีนายณรงค์ฤทธิ์ รีกวย หรือต่อ อายุ 34 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ เล่นทวิตเตอร์เจอคลิปตัวเองมีเซ็กส์กับแฟนสาวมากกว่า 100 คลิป ถูกแอบถ่ายเกือบทุกครั้งที่ไปใช้บริการรีสอร์ทม่านรูดแห่งหนึ่ง โดยมีการนำคลิปไปเผยแพร่ในโซเชียล และนำคลิปไปขายในกลุ่มลับทางไลน์ อ้างว่าบางคลิปนำไปตัดต่อให้อยู่ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น กลางแจ้ง กลางป่า รวมทั้งลักษณะเซ็กส์หมู่ ต่อมาได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อเอาผิดเจ้าของรีสอร์ทม่านรูดและคนที่แอบถ่ายคลิปแล้วนำไปเผยแพร่จนได้รับความเสื่อมเสีย ด้าน ตร.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในม่านรูดพื้นที่ใกล้เคียง รวบรวมหลักฐานจากผู้เสียหายและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จากการสืบสวนได้ข้อเท็จจริงว่า เรื่องทั้งหมดที่ชายคนดังกล่าว มาแจ้งความร้องทุกข์ไม่เป็นความจริงเป็นการแอบอ้างเรื่องขึ้นมา จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาแจ้งความเท็จ และพยายามกรรโชกทรัพย์ เนื่องจากนายณรงค์ฤทธิ์ได้โทรศัพท์ไปข่มขู่เรียกค่าเสียหายจากลูกสาวเจ้าของรีสอร์ทม่านรูด โดยทางฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบคลิปภาพและเสียงที่นายณรงค์ฤทธิ์นำมามอบให้เป็นหลักฐาน ฝ่ายสืบได้ตรวจสอบภาพเคลื่อนไหวทีละช็อต ที่อ้างว่าเป็นตัวเขาและแฟนสาว เจ้าหน้าที่ให้ระบุรอยตำหนิตามร่างกายแต่ไม่สามารถระบุได้ อีกทั้งคลิปภาพเห็นใบหน้าไม่ชัดเจนเห็นเฉพาะเรือนร่างเท่านั้น ส่วนคลิปเสียงปรากฎว่าไม่ใช่เสียงนายณรงค์ฤทธิ์และแฟนสาว
(ขอขอบคุณภาพ ไทยรัฐออนไลน์)
จึงสอบถามโดยละม่อมถึงเรื่องดังกล่าว ก่อนจะยอมรับสารภาพว่าอ้างขึ้นมาเอง คลิปลามกไปแสวงหามาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ และทวิตเตอร์ โดยเลือกคลิปที่มีใบหน้ารูปร่างคล้ายกันมากล่าวอ้าง โดยนายณรงค์ฤทธิ์ มีสีหน้าเครียดนั่งเอามือปิดหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา บอกว่า ตนไม่รู้ว่าจะกุเรื่องขึ้นมาทำไมเพราะมีหน้าที่การงานที่ดีอยู่แล้ว ส่วนทรัพย์สินและนาฬิกาของบุคคลที่ปรากฎในคลิปคล้ายกับของตนเอง เมื่อมารีเพลย์ภาพช้าๆ ดูแล้วไม่ใช่ของตัวเอง ตนไม่ได้ข่มขู่กรรโชกทรัพย์และไม่ได้มีปัญหากับเจ้าของรีสอร์ทม่านรูด ยอมรับเข้าพักที่ม่านรูดนั้นจริง เคยใช้บริการมาแล้ว 3-4 ครั้ง และไม่เคยมีคลิปของตนเองหลุดออกมา “ขอโทษทางโรงแรมด้วย ผมไม่มีเจตนากุเรื่องราวขึ้นมา หรือทำตัวเองให้ดัง หน้าที่การงานก็มี ผมก็เสียเวลาเหมือนกัน และยังเสียเวลาพวกพี่ ๆ นักข่าวด้วยเหมือนกัน ช่วงนั้นคืออารมณ์มันหงุดหงิด คิดว่าเป็นตัวเองไปหมด พอมาตรวจดูก็พบว่ามันไม่ใช่ ส่วนคลิปนั้นได้ก๊อปมาจากทวิตเตอร์” นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าว
(ขอขอบคุณภาพ ไทยรัฐออนไลน์)
ขณะที่นายเลิศพงษ์ พงษ์วราพัฒน์ เจ้าของม่านรูด หลังมีการเผยแพร่ข่าวลูกสาวได้มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันความบริสุทธิ์ไม่มีส่วนรู้เห็นตามที่ถูกพาดพิง พร้อมเปิดห้องพักให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบโดยเฉพาะห้องเบอร์ 4 และ 7 ที่นายณรงค์ฤทธิ์อ้างว่าเข้าพักเกือบทุกครั้งที่มีเซ็กส์กับแฟนสาว ทางเจ้าของม่านรูดท้าพิสูจน์เปรียบเทียบภาพห้องพักของตนกับห้องพักที่ปรากฎในคลิป ทั้งเตียงนอน โต๊ะ ห้องน้ำ ผนังห้อง มีความต่างกัน ส่วนเพดาปิดทึบแล้วจะนำกล้องไปซ่อนเพื่อแอบถ่ายได้อย่างไร ตนทำธุรกิจจะกล้าทุบหม้อข้าวของตัวเองได้อย่างไร สำหรับรีสอร์ทเดิมเป็นม่านรูดมีทั้งหมด 20 กว่าห้อง หลังตกเป็นข่าวลูกค้าไม่กล้าเข้ามาพัก เมื่อคืนก่อนเข้าพักแค่ห้องเดียว รีสอร์ทได้รับความเสียหายอย่างมาก และเสื่อมเสียชื่ออยากให้สื่อช่วยแก้ข่าว ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับนายณรงค์ฤทธิ์มาก่อน และไม่เคยรู้จักว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงว่าทำงานที่ธนาคารออมสิน สาขาท่าพล ก่อนหน้านี้นายต่อได้มาใช้บริการแล้วพยายามข่มขู่กรรโชกทรัพย์ โดยอ้างว่ารีสอร์ทตั้งกล้องแอบถ่ายทำให้เขาได้รับความเสียหายและจะให้เคลียร์เงินแต่ตนกับลูกสาวไม่เชื่อ เพราะตั้งแต่เปิดรีสอร์ทมาไม่เคยกระทำเช่นนั้น ขั้นตอนต่อจากนี้จะปรึกษาทนายความเพื่อฟ้องร้องคดีเอาผิดและเรียกค่าเสียหายจากผู้กล่าวหาต่อไป ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความคนดัง ไลฟ์ผ่านเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมว่า หลังจากได้รับร้องเรียนดังกล่าว ได้พบพิรุธหลายเรื่อง จึงประสาน สภ.เพชรบูรณ์ และ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องหลักฐานที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากขบวนการขายคลิปในโซเชี่ยล โดยมีใบโอนเงินจากหนุ่มแบงก์รายดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นการล่อซื้อหลังจากพบภาพตัวเองในทวิตเตอร์ จึงมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยพบว่า การโอนเงินเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ไม่ตรงกับที่อ้างว่าพบภาพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาคือวันที่ 11 ส.ค. จากนั้น มีการตรวจสอบคลิปหลักฐานคลิปเสียง ซึ่งพบว่าไม่ตรงกับเสียงแฟนสาวของหนุ่มแบงก์รายดังกล่าว และยังพบว่ามุมกล้องมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง ถ้าหากเป็นการแอบถ่ายกล้องต้องนิ่ง นอกจากนี้สถานที่ต่างๆ ก็ปรากฏว่าไม่ตรงกับโรงแรมที่เกิดเหตุ และทวิตเตอร์ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นของหนุ่มแบงก์รายดังกล่าวเอง หลักฐานเชิงลึกอีกประการ คือ หนุ่มธนาคารรายดังกล่าวเป็นคนทำสินเชื่อ ดูแลสินเชื่อให้กับเจ้าของโรงแรมที่อ้างว่าแอบถ่าย พร้อมกันนั้นยังมีการโทร.ถามหาความรับผิดชอบกับเจ้าของโรงแรมหลายครั้ง จึงเชื่อว่าจะมีการทำลายชื่อเสียงของเจ้าของโรงแรม โดยในวันนี้จะมีการดำเนินคดีกับหนุ่มธนาคารรายดังกล่าว ในข้อหาแจ้งความเท็จ รายละเอียดเพิ่มเติม http://morning-news.bectero.com/socia…‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook