อดีตส.ส.เพชรบูรณ์ พรรค ปชป. แจงไม่ใช่คนของนายกฯ-ลูกน้องคสช. ไม่จำเป็นต้องไปร่วมต้อนรับนายกฯในการมาประชุมครม.สัญจรที่เพชรบูรณ์ เผยมีขบวนการขัดขวางประชาชนไม่ให้พบและร้องเรียนต่อนายกฯโดยตรง ชี้สะท้อนภาพปชช.ที่มาส่งเสียงเชียร์ล้วนจัดตั้งมา
วันนี้ (14 ก.ย.) ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมนำประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรจังหวัดเพชรบูรณ์ – เลยระหว่าง 17 – 18 กันยายนนี้ว่า ตนไม่ใช่คนของนายกรัฐมนตรีและไม่ใช่ลูกน้องคสช. แต่เป็นคนของประชาชน ซึ่งทางราชการก็ไม่ได้เชิญอย่างเป็นทางการ การจะเข้าไปพบก็คงไม่เหมาะสม ส่วนกรณีที่มีความกังวลจากฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายฝ่ายว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีมาจะมีการจัดมวลชนหรือม็อบไปประท้วงหรือไม่ ก็ต้องทำความเข้าใจและต้องแยกกันระหว่างม็อบการเมืองกับมวลชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน โดยเฉพาะจากนโยบายรัฐและต้องการไปพบนายกฯ ซึ่งอยากฉวยโอกาสที่นายกฯและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่วันนี้อยากฝากไปถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจงใช้โอกาสนี้ทำให้จังหวัดเพชรบูรณ์ด้วยกัน 2 เรื่อง
นายยุพราช กล่าวว่า เรื่องแรกแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า มีแนวทางพัฒนาเพชรบูรณ์อย่างไร ส่วนอีกเรื่องความสำคัญไม่แพ้ข้อแรกก็คือ เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นสะสมมาอย่างยาวนานของพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ก็ควรใช้โอกาสเหล่านี้ หากเกินอำนาจของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายที่เกินเลยอำนาจของจังหวัดไปก็ควรใช้โอกาสนี้ ในการนำเรื่องราวความเดือดร้อนของประชาชนสู่คณะรัฐมนตรีหรือไปให้ถึงมือรัฐมนตรี
อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ กล่าวอีกว่า แต่ขณะนี้พี่น้องประชาชนบางกลุ่มที่เตรียมจะเข้าพบนายกฯ โดยมีความเข้าใจว่านายกฯมาลงพื้นที่ โดยส่วนหนึ่งต้องการมารับเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนโดยตรงแต่ปรากฏว่า มีขบวนการในการขัดขวางไม่ให้พี่น้องประชาชนเขาพบนายกฯโดยตรง โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าจะมีการจัดสถานที่ให้พี่น้องประชาชนยื่นข้อร้องทุกข์และร้องเรียน โดยมีส่วนราชการโดยศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่แต่ละกรมและกระทรวงมารับเรื่อง ดังนั้นพี่น้องประชาชนเหล่านี้จะไม่มีโอกาสพบนายกฯ
“ทำให้วันนี้ได้เห็นภาพสะท้อนความจริงว่า ที่ครม.สัญจรไปแต่ละจังหวัด ประชาชนที่มายืนยิ้มหรือส่งเสียงเชียร์นายกฯ ผมเข้าใจว่าจะเป็นการจัดตั้ง โดยอ้างอิงจากเหตุผลที่ก่อนจะมีครม.สัญจรที่เพชรบูรณ์ ก็ปรากฏว่าคนที่จะมาพบนายกฯเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้นั้นไม่มีโอกาสได้พบนายกฯ หากแต่มีการจัดการคนที่จะไปต้อนรับหรือประชาชนที่จะไปนายกฯและรัฐมนตรีไว้ในพื้นที่เฉพาะบางส่วน ถือว่านายกฯมาครั้งเราควรใช้โอกาสตรงนี้แก้ไขและพัฒนาอย่างจริงจังไม่ใช่ออกมาในรูปแบบนี้” นายยุพราช กล่าว
นายยุพราช กล่าวย้ำด้วยว่า การทำแบบนี้เท่ากับว่าทางจังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นสะสม ก็พยายามจะปกปิดปัญหาไม่ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ให้คณะรัฐมนตรีหรือนายกฯได้รับรู้รับทราบ เราก็จะเสียโอกาสในการแก้ไขปัญหาในการประชุม ครม.สัญจรในครั้งนี้ การที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้บริหารประเทศผู้บริหารกระทรวง ต้องรับทั้งคำติและคำชม ไม่ต้องเป็นนายกรับมนตรีหรือเอาว่าแม้แต่เป็นสมาชิกอบต.และผู้ใหญ่บ้าน ก็จะเลือกฟังเฉพาะคำชมไม่ได้ จะต้องเลือกฟังคำติด้วยโดยเฉพาะเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต้องรับฟังเป็นอย่างยิ่ง และใช้โอกาสนี้ในการเข้าถึงปัญหาอย่างแท้จริงใช้ให้คุ้มกับการเป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับกำหนดการของนายกฯในวันที่ 17 กันยายน นายกฯเดินทางไปพบประชาชน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย โดยนายกฯเป็นประธานในพิธีเปิดถนน 4 เลน หมายเลข 201 ตอนเลย-เชียงคาน พร้อมทั้งจะเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน ให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมการจัดการท่องเที่ยวชุมชนตามแนวทางประชารัฐของอำเภอเชียงคาน ที่ถนนคนเดินวิถีเชียงคาน ส่วนช่วงบ่ายนายกฯเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์ เยี่ยมชมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าไม้มีค่า ที่สวนป่าเกษตรห้วยแสน อำเภอหล่มสัก หลังจากนั้น เยี่ยมชมสินค้าเกษตรปลอดภัยภายใต้แบรนด์กรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์ ที่โรงแรมอิมพิเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท อำเภอเขาค้อ และพบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
จากนั้นในวันที่ 18 กันยายน ก่อนที่นายกฯเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 7/2561 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ นายกฯเป็นประธานเปิดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกฯมีกำหนดการพบประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ รวมทั้งมอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ราษฎร 434 ราย
ขอขอบคุณที่มาข่าวมติชน https://www.matichon.co.th/politics/news_1131329‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook