อธิบดีกรมชลประทานลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์โชว์ผลงานไทยนิยมยั่งยืนคุ้มค่างบประมาณ

ที่ห้องประชุมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืน ทั้งการจ้างแรงงานสร้างรายได้ให้ราษฎรของกรมชลประทาน ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี รองอธิบดีกรมชลประทาน รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ผู้ที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน ร่วมติดตาม

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 จำนวน 13,701.985 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการไทยนิยมยั่งยืน จำนวน 2,074 แห่ง/2,088 รายการ มีผลความก้าวหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืนที่กรมชลประทานได้ดำเนินการแล้ว มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 830,974 ไร่ เกษตรกรได้รับผลประโยชน์จำนวน 186,367 ครัวเรือน มีการสนับสนุนการใช้ยางพาราแล้วปริมาณ 259.44 ตัน จัดจ้างแรงงานจำนวน 9,169 คน สำหรับด้านการกักเก็บน้ำ เมื่อแล้วเสร็จสามารถเพิ่มความจุกักเก็บน้ำได้ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานได้กำชับหน่วยงานในพื้นที่ให้เร่งดำเนินงานทุกโครงการให้สำเร็จ เพื่อประชาชนและเกษตรกร ได้รับประโยชน์สูงสุด

ด้านนายเชษฐา ดิษยมาลย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า โครงการชลประทานเพชรบูรณ์ได้รับงบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน จำนวน 106.9 ล้านบาท ซึ่งได้กำหนดแผนการใช้งบประมาณประกอบด้วยงานซ่อมแซมและบำรุงรักษาระบบชลประทาน งานก่อสร้างฝาย งานสนับสนุนการใช้ยางพาราเพื่อซ่อมแซมถนนเลียบลำคลองส่งน้ำ และจ้างแรงงาน ขณะนี้ดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ เช่น ซ่อมแซมระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำรัตนัยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เกิดการชำรุดทำให้ส่งน้ำได้ไม่เต็มศักยภาพ การขุดลอกตะกอนดินที่กรมชลประทานจ้างแรงงานผู้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรในพื้นที่มาช่วยลอกดินในคลองจากที่ตื้นเขิน ส่งน้ำไม่สะดวก ปัจจุบันน้ำไหลได้สะดวก

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบูรณ์ กล่าวต่อว่า งานซ่อมแซมปรับปรุงถนนเลียบคลองชลประทาน เป็นอีกหนึ่งงานที่ได้ดำเนินการ เนื่องจากเกษตรกรต้องใช้เป็นเส้นทางขนส่งพืชผลทางการเกษตร ซึ่งถนนเลียบคลองชลประทานในจังหวัดเพชรบูรณ์ส่วนใหญ่เป็นลูกรัง เกิดการชำรุดจากการใช้งานมายาวนาน เมื่อเกิดโครงการไทยนิยมยั่งยืนขึ้นมา จึงได้รับงบประมาณเข้าไปซ่อมแซม ด้วยการใช้แบบถนนที่ผสมน้ำยางพารา ในอัตราร้อยละ 20 เป็นการช่วยสนับสนุนการใช้ยางพาราในประเทศ โดยได้ดำเนินการ ซ่อมแซมถนนคันคลองชลประทานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วจังหวัด ชาวบ้านได้รับประโยชน์ 4,960 ครัวเรือน ใช้น้ำยางพาราไปทั้งสิ้น 51 ตัน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562 ซึ่งตั้งแต่ทางโครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ได้รับงบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน เป็นเวลาเพียง 7 เดือน สามารถช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลไปถึงประชาชนและเกษตรกรที่จะมีน้ำใช้ และได้นำน้ำต้นทุนไปสร้างงานสร้างรายได้ต่อไป