ชาวบ้านกว่า 200 ราย แห่แจ้งความ อดีตหัวหน้าสนง.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดฯ ยัดหนี้รวม43ล้าน ต้องระดมพนักงานสวบสวน ทำสำนวนส่งป.ป.ช. เพราะเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดฯ
เวลา 09.30 น.วันที่ 4มี.ค. พ.ต.ท.จำเนียร คำวิเศษ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ รับแจ้งความจากชาวบ้านจำนวน 185 รายที่เดินทางมาแจ้งความ กรณีกลุ่มชาวบ้านถูกทวงหนี้จากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ทั้งที่ ไม่ได้เคยกู้ยืมหนี้สิน
โดยเช้าวันนี้นายหินชนวน อโศกตระกูล หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ นำเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์เข้ารับเรื่องบันทึกถ้อยคำจากชาวบ้านที่บริเวณสภ.หล่มเก่า โดยจะให้ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการถูกทวงหนี้จากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ยืนยันว่า เป็นผู้เสียหายและเตรียมเอกสารอำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้าน เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์
นายหินชนวน กล่าวว่า การดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟู คือ จะให้ชาวบ้านที่มีหนี้สินกับสหกรณ์หรือธ.ก.ส เข้าทำเรื่องให้กองทุนเข้าไปช่วยเหลือปิดบัญชีจากหน่วยงานนั้นๆและมาทำสัญญากู้ยืมกับสำนักงานฯ พร้อมแนบเอกสารการเป็นหนี้กับสหกรณ์มาด้วย ถึงจะครบเงื่อนไข ในการทำสัญญากู้ยืมกับสำนักงาน
สำหรับกรณีดังกล่าวนี้ จะต้องสอบสวนชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เสียหายว่า ใช่ลายมือชื่อของตนเองหรือไม่ที่มาทำสัญญากับสำนักงานฯ ซึ่งหากไม่ใช่ลายมือหรือมีการแอบอ้างปลอมแปลงลายมือไปก่อหนี้ ซึ่งผู้เสียหายจะต้องแจ้งความดำเนินคดี ทางสำนักงานฯก็จะให้เอกสารที่เตรียมมาแก่ชาวบ้านรวม 198 รายเพื่อแจ้งความทันที
นอกจากนี้ ยังมีสหกรณ์อีก 3 แห่งคือ1.สหกรณ์ศุภนิมิตหล่มเก่า 2.สหกรณ์ภูมิไทหล่มเก่า 3.สหกรณ์มะขามหวานหล่มเก่า ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องคือมีการร่วมทำสัญญาให้ชาวบ้านผู้เสียหายไปเป็นหนี้เสียและไม่มีอยู่จริงเพื่อจะได้ให้สำนักงานฯไปชำระเงินปิดบัญชี ซึ่งในส่วนนี้ ต้องให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการ
ส่วนก่อนหน้านี้ ราวกลางปี 2561 มีผู้เสียหาย 13 รายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางกันยาวีร์ สุรางคพาณิชย์ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมา ได้มีคำสั่งให้นางกันยาวีร์ออกจากตำแหน่ง ส่วนคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของปปท.เขต 6 สำนักงานปปช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ. ดำเนินคดี มีมูลค่าความเสียหายจำนวน 43 ล้านบาท
สอบถามนางหนูลั่น ศรีไกรศักดิ์ อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 5 ต.ฝายนาแซง อ.หล่มสัก เล่าว่า ถูกยัดหนี้ก้อนโตราว 99,500 บาททั้งที่ไม่เคยไปกู้หนี้ยืมสิน มีเพียงเจ้าหน้าที่มาติดต่อและขอสำเนาบัตรไปโดยไม่เคยไปเซ็นสัญญาใดๆ ตั้งแต่ปี 2558 กระทั่งต่อมาได้รับใบแจ้งหนี้ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และมีชาวบ้านอีกหลายรายที่ได้รับความเสียหาย เช่นนางสัมฤทธิ์ ราชอาจ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 6 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ เผยว่าทำเรื่องกู้ไป 5,000 บาท แต่ได้เงินจริงแค่ 3,000 บาท ต่อมา ภายหลังพบว่าตนเองเป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยรวม 961,424.01 บาท โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ด้านพ.ต.ท.จำเนียร คำวิเศษ รองผกก.สอบสวนสภ.หล่มเก่ากล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมส่งสำนวนการสอบสวนไปให้ปปช.พิจารณาดำเนินการ ซึ่งในคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก จะได้เร่งระดมพนักงานสอบสวนรับแจ้งความเพื่อดำเนินการส่งให้ปปช.ต่อไป.
ขอขอบคุณที่มาข่าวไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/content/1510920
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook