“…สำหรับในประเทศไทยหรือสยามในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็เกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัด(ใหญ่?) อย่างรุนแรงไม่แพ้กัน เพียงแค่ 6 เดือนระหว่างตุลาคม 2461- มีนาคม 2462 มีผู้ป่วยกว่า 2.3 ล้านคน ( 2,317,662 คน) เสียชีวิตกว่า 8 หมื่นคน( 80,223 คน) ขณะที่ประชากรสยามในขณะนั้นมีเพียง 8.4 ล้านคน(8,478,556 ) กล่าวคือ มีผู้ป่วยประมาณกว่า 28% ของประชากร เสียชีวิตประมาณ 3.46% ของผู้ป่วย…”
ว่ากันว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รุนแรงและรวดเร็ว จนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมบนโลกในนี้อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาจะมีโรคระบาดนานาชนิดเกิดขึ้นคร่าชีวิตมนุษย์ไปเป็นจำนวนหลายสิบล้านคน อาทิ ปีพ.ศ. 2461 ได้เกิดโรคระบาดไข้หวัดใหญ่สเปนซึ่งถือว่า รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ โดยไข้หวัดใหญ่สเปนเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 1 จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวมมากถึง 50 ล้านคน
สำหรับในประเทศไทยหรือสยามในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็เกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัด(ใหญ่?) อย่างรุนแรงไม่แพ้กัน เพียงแค่ 6 เดือนระหว่างตุลาคม 2461- มีนาคม 2462 มีผู้ป่วยกว่า 2.3 ล้านคน ( 2,317,662 คน) เสียชีวิตกว่า 8 หมื่นคน( 80,223 คน) ขณะที่ประชากรสยามในขณะนั้นมีเพียง 8.4 ล้านคน(8,478,556 ) กล่าวคือ มีผู้ป่วยประมาณกว่า 28% ของประชากร เสียชีวิตประมาณ 3.46% ของผู้ป่วย
โศกนาฏกรรมช่วงดังกล่าวมีบันทึกไว้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2462 มีรายละเอียดดังนี้ “แจ้งความกระทรวงมหาดไทย ไข้หวัดหรืออินฟูเอนซา ได้เริ่มเป็นขึ้นในพระราชอาณาจักร์ภาคใต้ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2461 ก่อน แล้วกระจายแพร่ไปทั่วพระราชอณาจักร์ พึ่งสงบลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ล่วงมานั้น
ในส่วนหัวมือง 17 มณฑลโดยพระมหกรุณาธิคุณได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมสาธารณสุจัดส่งแพทย์ ส่งยาและคำแนะนำออกไปช่วยป้องกันรักษาสมทบกับแพทย์ประจำนมือง เมื่อโรคสงบแล้วได้บาญชีจำนวนคนที่ป่วยเจ็บแลตายด้วยโรคนี้ ตามบาญชีท้ายแจ้งความนี้
ศาลาว่าการมหาดไทย แจ้งความมาณวันที่ 14 กรกภคม พระพุทธศักราช 2462
(ลงนาม) มหาเสวกอก เจ้าพระยาสุรสีห์ วิสิษฐศักดิ์ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย”
มีบางคนมักกล่าวว่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 นี้รุนแรงมาก และวิกฤติของโลกจะรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นเรื่อยๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว วิกฤติเชื้อโรคในโลกนี้มียิ่งใหญ่กว่านี้มาก อย่าตระหนก พึงมีสติ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าโรคร้ายในอดีตที่ตายเป็นจำนวนมากจนรักษาแทบไม่ได้ <1> เช่น
1. เอชไอวี / เอดส์ระบาด (สูงสุด พ.ศ.2548-2555) ตายถึง 36 ล้านคน
2. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2511) ตายถึง 1 ล้านคนเรียกว่า“ ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง” สายพันธุ์ H3N2 สายพันธุ์ H3N2
3. ไข้หวัดใหญ่ (พ.ศ.2499-2501) ตาย 2 ล้านคน เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของ H2N2 ที่กำเนิดในประเทศจีนในปี 2499 และจนถึงปี 2501
4. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2461) ตายถึง 20 -50 ล้าน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ถึง 20% โดยมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 25 ล้านคนใน 25 สัปดาห์แรก
5. อหิวาตกโรคระบาด (พ.ศ.2453-2454) ตายมากกว่า 800,000 คน เกิดขึ้นในอินเดียที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 คนก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังตะวันออกกลางแอฟริกาเหนือยุโรปตะวันออกและรัสเซีย
6. ไข้หวัดใหญ่ระบาด (พ.ศ.2432-2433) ตาย 1 ล้าน เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N8
7. อหิวาตกโรคระบาด (พ.ศ.2395-2403) ตาย 1 ล้าน ระบาดในอินเดียครั้งที่สามแพร่กระจายจากแม่น้ำคงคาก่อนที่จะฉีก ผ่านเอเชียยุโรปอเมริกาเหนือและแอฟริกาและจบชีวิตของผู้คนกว่าล้านคน
8. กาฬโรค (พ.ศ.1889-2436) ตาย: 75 – 200 ล้าน ทำลายยุโรปแอฟริกาและเอเชีย โดยน่าจะเกิดขึ้นในทวีปต่างๆคือหมัดที่อาศัยอยู่ในหนูซึ่งอาศัยอยู่บนเรือพ่อค้า และยังมีอื่นๆ อีกมาก
ในกรณีประเทศไทยเองในสมัยรัชกาลที่ 2 ก็มีอหิวาตกโรคทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 หมื่นคน มีการสวดมนต์เช่นกัน ในสมัยนั้น “พระสงฆ์ก็เอาตัวไม่รอดต้องทิ้งวัดหนีตาย บางกอกเกือบจะเป็นเมืองร้าง ทุกชุมชนเงียบเหงาวังเวง ไม่มีใครช่วยใครได้ . . .จัดพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้น ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ผู้ทรงวิทยาคมจากวัดสำคัญๆ มาเจริญพระปริตร ทำน้ำมนต์และทรายเสก มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดรุ่ง 1 คืน แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะไปในกระบวนแห่โปรยทรายเสกและประพรมน้ำมนต์ทั้งทางบกและทางเรือ. . .ผลปรากฏว่าการที่ประชาชนไม่ออกจากบ้าน การระบาดของเชื้อจึงลดลง” <2>
ยิ่งกว่านั้นในประเทศไทยยังเคยมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง “เพียงแค่ 6 เดือนระหว่างตุลาคม 2461- มีนาคม 2462 มีผู้ป่วยกว่า 2.3 ล้านคน (2,317,662 คน) เสียชีวิตกว่า 8 หมื่นคน( 80,223 คน) ขณะที่ประชากรสยามในขณะนั้นมีเพียง 8.4 ล้านคน (8,478,556 ) กล่าวคือ มีผู้ป่วยประมาณกว่า 28% ของประชากร เสียชีวิตประมาณ 3.46% ของผู้ป่วย…” <3>
ดังนั้น เราไม่พึงตระหนกจนเกินไป แต่ก็ไม่พึงประมาท หากมีสติ เราก็จะผ่านพ้นวิกฤติไปได้ มีมืด มืดได้ ย่อมสว่างได้
อ้างอิง
<1> Outbreak: 10 of the Worst Pandemics in History – MPH Online. https://www.mphonline.org/worst-pandemics-in-history
<2> นิพัทธ์ ทองเล็ก, พล.อ. ภาพเก่าเล่าตำนาน เรื่อง ห่าลง ตายเยอะ เผาไม่ไหว ยกให้แร้งวัดสระเกศ โดย : พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก. มติชน 24 มีนาคม 2560. https://bit.ly/2UpePiV
<3> สำนักข่าวอิสรา. ย้อนโศกนาฏกรรมสยาม! ไข้หวัดใหญ่ระบาด!แค่ 6 เดือน ตาย 8 หมื่น ติดเชื้อ 2.3 ล้านคน.’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook