กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยขณะนี้ เมื่อ พล.ต.ท.อภิชาต ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ บุญทรง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และสภ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ร่วมแถลงผลจับกุมตัวนายกฤตภาส หรือกิต อำภูธร อายุ 50 ปี ชาว ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณสำนักงานเทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ขณะขับรถเบนซ์ รุ่น E250 สีขาว หมายเลขทะเบียนปลอม สว 7667 กรุงเทพมหานคร มาหาเพื่อนสาว จากการตรวจค้นภายในรถ พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 ม.ม. ยี่ห้อ Glock30 บรรจุกระสุนภายในแม็กกาซีน 6 นัด จึงยึดไว้ตรวจสอบ ก่อนขยายผลไปตรวจสอบห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 ต.ลาดยาว พบเครื่องแบบข้าราชการตำรวจกากีแขนยาว พร้อมหมวก รองเท้าแก้ว 1 ชุด โดยชุดมีการติดยศพันตำรวจเอก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 6 ได้รับเบาะแสว่านายกฤตภาส มีพฤติการณ์ชอบแอบอ้างตนเองเป็นตำรวจระดับผู้กำกับ และมักจะชอบแต่งกายในเครื่องแบบเต็มยศไปอวดโฉมตามที่ต่างๆ รวมถึงไปหลอกลวงหญิงสาวรายหนึ่ง นอกจากจะเป็นตำรวจยศใหญ่ ยังมีอาชีพทำรับเหมาก่อสร้างด้วย จนสาวรายนั้นหลงเชื่อและเตรียมให้ฝ่ายชายมาทำพิธีหมั้นสู่ขอเพื่อแต่งงานกันในเร็วๆ นี้
แต่เนื่องจากเพื่อนร่วมงานของหญิงสาวคนดังกล่าวเกิดความสงสัย เพราะดูมีพิรุธหลายอย่าง จึงนำภาพของนายกฤตภาสที่โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับนำประวัติส่งไปให้ตำรวจภูธรภาค 6 ให้ตรวจสอบ จึงพบความจริงว่า นายกฤตภาส ไม่ได้เป็นตำรวจอย่างที่กล่าวอ้าง ทำให้เสื่อมเสียต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก จึงประสานตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ และตำรวจภูธรท้องที่ ให้ร่วมกันสืบสวนก่อนจะดำเนินการจับกุมตัว
สอบสวนในเบื้องต้น นายกฤตภาส ให้การว่า มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยมีบริษัทและจดทะเบียนในนามอริสรากรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้เข้ามารับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ มานานหลายเดือนแล้ว ส่วนตัวมีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีโอกาส ประกอบกับชุดเครื่องแบบตำรวจน่าจะช่วยคอยอำนวยความสะดวกให้กับตน ทั้งเรื่องธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง การเดินทาง หรือแม้กระทั่งไว้อวดหญิงสาว ตนจึงไปหาซื้อเครื่องแบบมาใส่ พร้อมกับติดยศตั้งตนเป็นพันตำรวจเอกระดับผู้กำกับ ซึ่งตนจะใส่ชุดตำรวจเดินทางไปทำงานเป็นประจำ แต่หากไม่ได้สวมใส่จะเอาแขวนไว้ในรถ เพื่ออวดอ้างให้เกิดความสะดวกในการผ่านด่าน
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ตำรวจคุมนายกฤตภาสไปสอบปากคำ ปรากฏว่ามีบุตรสาวของนายกฤตภาสรีบเดินทางมาที่โรงพัก ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ จึงสอบถามจนทราบว่า มีคนมาแจ้งข่าวว่าบิดาถูกจับในข้อหาแต่งกายเป็นตำรวจเก๊ไปหลอกแต่งงานกับหญิงสาว ก็รู้สึกตกใจและแปลกใจที่ไม่เคยทราบว่าบิดามีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน บิดาได้หย่าร้างกับมารดามานานกว่า 5 ปี ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว แต่ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่ ด้วยความห่วงใยจึงรีบลางานที่ทำอยู่ใน อ.เมืองนครสวรรค์ แล้วรีบเดินทางมายังโรงพัก เพื่อช่วยประกันตัว
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook