ลิ้นจี่วังโป่งกรอบหวานเนื้อแน่นผลผลิตของชาวสวน อ.วังโป่งยังขายได้ราคาดีถึงแม้มีโควิด-19

สำหรับสวนลิ้นจี่แห่งนี้มี นางสาวิตรี วันคอยท่า อายุ 36 ปี และ นายถาวร วันคอยท่า อายุ 37 ปี สองสามีภรรยา เป็นเจ้าของสวน นอกจากนี้ยังมีลูกสาว อีก 2 คน ต่างกำลังช่วยกันเก็บผลผลิตลิ้นจี่ ที่กำลังสุกงอมแดงเต็มต้น ให้กับผู้ปกครองกันอย่างขะมักเขม้น หลังจากมีออเดอร์สั่งซื้อ สั่งจองเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนผลผลิตในสวนทั้งหมด ถูกพ่อค้าแม่ค้านำรถมารับซื้อไปเกลี้ยง กว่า 1.5 ตันเลยทีเดียว

นางสาวิตรี วันคอยท่า เจ้าของสวน เปิดเผยว่า เดิมทีตัวเองทำไร่ข้าวโพด ที่เป็นพืชเชิงเดี่ยว จะต้องมีการลงทุน และเพาะปลูกใหม่ทุกปี จึงตัดสินใจ แบ่งพื้นที่ ราว 3 ไร่เศษ ทำการปลูกลิ้นจี่ ซึ่งเป็นไม้ผล กว่า 40 ต้น โดยปลูกมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา บางปีก็ได้ผลผลิตน้อย บางปีก็ได้ผลผลิตมาก ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะสม โดยในปีนี้ พบว่าอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ลิ้นจี่ในสวน ให้ผลผลิตจนดกเต็มต้น และเมื่อพร้อมเก็บจำหน่าย จึงได้ถ่ายรูปลงโซเชียล ปรากฏว่ามีพ่อค้าแม่ค้า ติดต่อสั่งซื้อสั่งจองและนำรถมาขนส่งกันถึงที่หน้าสวน จนผลผลิตกว่า 1.5 ตันไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้บริโภค แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดก็ตาม ประกอบกับในปีนี้ ราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยขายส่งหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนขายปลีก อยู่ที่กิโลกรัมละ 35-40 บาท

เจ้าของสวนลิ้นจี่ กล่าวต่อว่า ที่สวนลิ้นจี่ของตน ใช้การบริหารจัดการในรูปแบบครอบครัว โดยมีตนและสามีเป็นหลัก แต่หากในช่วงวันหยุด หรือช่วงปิดเทอมขณะนี้ ก็จะมีลูกสาว อีก 2 คน ซึ่งเรียนอยู่ในระดับชั้น ป.2 และ ป.5 ตามลำดับ มาคอยช่วยงาน ทำนั่นทำนี่ ตามความเหมาะสมของวัย และโดยเฉพาะช่วงนี้ พบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นวงกว้าง ทำให้เกิดความเป็นห่วงเด็กๆ ไม่อยากให้ไปเล่นซุกซนที่อื่น จึงนำมาช่วยงานที่สวน ซึ่งนอกจากจะปลอดภัยจากโควิดแล้วนั้น ยังเป็นการซึมซับ เรียนรู้วิถีชีวิตการเกษตร อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับ ลิ้นจี่บ้านซับเปิบ สามารถการันตีรสชาติได้เลยว่า หวาน กรอบ เนื้อแน่น กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยในอนาคต ทางอำเภอวังโป่งจะได้เตรียมส่งเสริมให้มีการปลูกลิ้นจี่ ในพื้นที่อื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ท้องถิ่นต่อไป.

สำหรับ ลิ้นจี่บ้านซับเปิบ สามารถการันตีรสชาติได้เลยว่า หวาน กรอบ เนื้อแน่น กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยในอนาคต ทางอำเภอวังโป่งจะได้เตรียมส่งเสริมให้มีการปลูกลิ้นจี่ ในพื้นที่อื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ท้องถิ่นต่อไป.

ขอขอบคุณที่มา ไทยรัฐออนไลน์ อ่านต่อได้ที่ https://www.thairath.co.th/news/local/north/1829053