LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์

ยินดีต้อนรับสู่เพจข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2025
ข่าวเด่นเพชรบูรณ์

น้องออย” โคโยตี้สาวหายตัวลึกลับตั้งแต่ปี 2557ยืนยันแล้วไม่ใช่เหยื่อ “ไอซ์หีบเหล็ก”

[ae-fb-embed url=’https://www.facebook.com/tubtohkao34/videos/312270423097255/’ width=’500′]

เพชรบูรณ์  #เปิดไทม์ไลน์สุดท้ายก่อนน้องออยยุพาหายไป
.
19 พฤษภาคม 2557
น้องออยโพสต์ภาพตัวเองลง facebook ส่วนตัว
.
20-21 พฤษภาคม 2557
เพื่อนสนิทยังสามารถติดต่อน้องออยได้
.
22พฤษภาคม 2557
เพื่อนสนิทติดต่อน้องออยไม่ได้
.
26 พฤษภาคม 2557
พบศพหญิงนิรนามถูกฆาตกรรมเสียชีวิต
ในพื้นที่ สภ.หนองขาม จังหวัดชลบุรี
แพทย์นิติเวชระบุเสียชีวิตมาแล้ว 3-4 วัน
ข้างศพมีรองเท้าสตรีตกอยู่ 1 ข้าง
เป็นรองเท้าแบบเดียวกันกับที่ออย
ถ่ายภาพลง facebook เมื่อวันที่ 19 พค 57

น้องออย” โคโยตี้สาวหายตัวลึกลับตั้งแต่ปี 2557
ยืนยันแล้วไม่ใช่เหยื่อ “ไอซ์หีบเหล็ก”
แต่พบดีเอ็นเอตรงกับศพหญิงนิรนาม
ที่ถูกฆาตกรรมสุดเหี้ยมทิ้งศพไว้ข้างถนน
ที่ศรีราชา ชลบุรี ตั้งแต่พฤษภาคม 2557

ขอขอบคุณ มูลนิธิกระจกเงา https://www.facebook.com/Thaimissing/


.
จากกรณีเมื่อต้นเดือนมกราคม 2563 เหยื่อฆาตกรรมของ “ไอซ์หีบเหล็ก” มีชื่อหญิงสาวหน้าตาดีชื่อ “ออย” คาดเป็นชื่อของหนึ่งในโครงกระดูกที่พบในบริเวณบ้านของไอซ์หีบเหล็ก ต่อมาครอบครัวของนางสาวยุพา ศรีเดช หรือน้องออย โคโยตี้สาวสวย อายุ 23 ปี ซึ่งได้ขาดการติดต่อกับครอบครัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 ได้มาแจ้งคนหายไว้กับมูลนิธิกระจกเงานั้น โดยสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า นางสาวยุพา อาจเป็น ออย เดียวกับเหยื่อของไอซ์หีบเหล็ก
.
โดยการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นในช่วงเวลานั้น มูลนิธิกระจกเงา ได้มีการประสานไปยังตำรวจนครบาล 9 เพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ช่วงเวลาที่ นางสาวยุพาหรือออย ศรีเดช หายตัวไป ในปี 2557 เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับช่วงที่ไอซ์หีบเหล็กต้องโทษอยู่ในเรือนจำจึงน่าจะไม่ใช่เหยื่อของไอซ์หีบเหล็กตามที่มีรายงานข่าวตั้งข้อสังเกตกันก่อนหน้านี้
.
โดยหลังจากมีแนวโน้มว่า นางสาวยุพา อาจไม่ใช่เหยื่อของไอซ์ ก็เกิดคำถามว่า นางยุพา หายตัวไปไหน มูลนิธิกระจกเงา จึงได้ประสานตรวจสอบข้อมูลไปยังโรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และพบข้อมูลสำคัญว่าที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ได้รับแจ้งมีการพบศพหญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดแซก ถูกฆาตกรรมเสียชีวิต ทิ้งศพไว้ข้างถนนทางเข้าสุสานในพื้นที่ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยสภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 3-4 วัน โดยไม่มีเอกสารติดตัว ศพถูกส่งมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานของมูลนิธิไตรคุณธรรม จังหวัดชลบุรี ในฐานะศพหญิงนิรนาม
.
โดยการแต่งกายและรองเท้าของศพหญิงดังกล่าว คล้ายกับการแต่งกายในภาพ ในเฟซบุ๊คของนางสาวยุพา ศรีเดช มูลนิธิกระจกเงา จึงประสานคณะกรรมการบริหารจัดการคนหายและศพนิรนาม(คบคน.ตร) โดยพลตำรวจตรีไตรรงค์ ผิวพรรณ เลขานุการได้ลงพื้นที่ติดตามคลี่คลายกรณีดังกล่าว และประสานตรวจสอบดีเอ็นเอของพ่อแม่นางสาวยุพากับศพหญิงนิรนามดังกล่าว
.
ต่อมานายบุญส่ง ศรีเดช อายุ 64 ปี บิดาของนางสาวยุพา ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ได้เสียชีวิตลงเมื่อกลางเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยยังไม่ทันได้ทราบผลดีเอ็นเอว่าศพหญิงนิรนามดังกล่าวเป็นศพของนางสาวยุพา บุตรสาวหรือไม่ โดยผลตรวจสอบดีเอ็นเอมีกระบวนการล่าช้าจากเหตุปัจจัยหลายประการ กระทั่งช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาผลตรวจยืนยัน ศพหญิงนิรนามที่ถูกฆาตกรรมที่ศรีราชา คือ นางสาวยุพา ศรีเดชที่หายตัวไป
.
เบื้องต้นมูลนิธิกระจกเงา ได้ประสานติดตามความคืบหน้าคดี ไปยังสถานีตำรวจภูธรหนองขาม กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 และตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุ ซึ่งลอยนวลมาได้ 6 ปีเต็ม โดยล่าสุดมีการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้ว
.
ทั้งนี้ วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 เวลา 11.00 น. นางเกษร เทียนโสภา อายุ 60 ปี มารดานางสาวยุพา จะเดินทางมายังสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อติดต่อทำเอกสารใบมรณบัตรและเอกสารอนุญาตให้ขุดศพ จากนั้นวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. นางเกษร จะเดินทางไปเชิญวิญญาณนางสาวยุพายังจุดพบศพ ที่ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจากนั้นจะเดินทางไปขุดศพที่สุสานไตรคุณธรรม และนำศพนางสาวยุพากลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านในจังหวัดเพชรบูรณ์ต่อไป

คำสัมภาษณ์พ่อน้องออย ยุพา
ก่อนพ่อทราบผลดีเอ็นเอและก่อนพ่อเสียชีวิต
สัมภาษณ์เมื่อ 24 มกราคม 2563
.
“แต่ก่อนพ่อทำงานก่อสร้าง ก็มาทำกันทั้งครอบครัว พอออย(ลูกสาวที่หายไป) ปิดเทอมก็พามาอยู่ด้วยที่แคมป์คนงาน เขาก็ช่วยทำงานก่อสร้างกับพ่อแม่นะ หิ้วถังปูน ผสมปูน เขาทำได้ ดูเขาสนุก เงินค่าแรงก็เอาให้พ่อแม่ ตอนนั้นปิดเทอมตอน ม.2 ก็มาทำก่อสร้างกัน เขาเห็นพ่อแม่ลำบาก เขาก็ทำงานช่วยพ่อแม่ จากนั้นก็อยู่กันแบบนั้น รับจ้างก่อสร้างกัน เขาก็ไม่กลับมาเรียนอีกเลย
.
“ถามว่าสงสารลูกมั้ย ก็สงสารเขานะ แต่เขาไม่เคยบ่น เขาอยากช่วยพ่อแม่ เขาเป็นเด็กดีไม่เคยสร้างความหนักใจ นิสัยเขาขี้เล่น เป็นคนร่าเริง รักสนุก ไม่เคยบ่นให้พ่อฟังนะว่าเหนื่อยหรือลำบาก เขาไม่เคยบอกว่า ขออยู่เฉยๆ ให้พ่อแม่เลี้ยง เขาไม่พูดเลย ก็ไปแบกปูน ขนทรายกับพ่อแม่ ชีวิตเขาก็ลำบากกับเรามาตั้งแต่เด็กๆ
.
“เขาเป็นคนสนุกสนาน ชอบเพลง ชอบเต้น พอโตขึ้น เขาก็ไปทำงานโคโยตี้ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เขาชอบแบบนั้น ส่วนใครจะพูดยังไงพ่อไม่ได้ใส่ใจ เพราะพ่อไม่ได้ยิน พ่อก็ว่าไม่ได้เสียหายอะไร งานสุจริต เขาทำงานกลับมาบ้านก็ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ทำตัวไม่ดี ก็จุนเจือพ่อแม่ตลอด
.
“ชีวิตก็เริ่มดีขึ้น ครอบครัวดีขึ้น แต่ก่อนลำบากกันมาก เขาก็ทำงานส่งเงินให้ทุกเดือน แต่พ่อแม่ก็ยังออกทำงานรับจ้างแถวบ้านนะ ไม่ได้รอเขาอย่างเดียว เรายังพอทำไหว แต่ออยเขาก็ไม่อยากให้พ่อแม่ไปทำงานแล้ว เขาบอกว่าพ่อแม่เหนื่อยมามากแล้ว เขาถามตลอดนะว่าพ่อแม่มีเงินใช้มั้ย
.
“จนแม่เขามีอาการปวดหัว เขาก็พาไปตรวจที่ศรีราชา ชลบุรี เพราะเขาทำงานที่นั่น เขาว่าจะได้ดูแลได้ง่าย ตรวจเจอเนื้องอกในสมอง เขาก็ให้ผ่าตัดที่นั่นเลย ก็มาเฝ้าแม่ ดูแลแม่ใกล้ชิดอยู่เป็นเดือนๆ ตอนนั้นถึงแม่จะเจ็บป่วย แต่ครอบครัวมีความสุขที่ได้ดูแลกัน รู้สึกดีมากๆที่เขาไม่ทิ้งพ่อแม่เลย
.
“แต่อยู่ๆเขาก็หายเงียบไปเลยนะ ปกติเขาโทรหาพ่อแม่เกือบทุกวัน ก็นึกว่าเขาติดธุระอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเขาคงติดต่อกลับมา พอนานเข้าก็เริ่มเครียด กังวล ว่าเขาจะเป็นยังไง ถูกหลอกอะไรมั้ย จะไปตามหาก็ไม่มีเงินทองกัน เพราะปกติเขาจะส่งให้ใช้ทุกเดือน พอเขาหายไปก็ไม่มีเงินกันเลย เพราะแม่เขาก็ต้องกลับมารักษาตัว พ่อก็ดูแลแม่เขาอยู่ เขาว่าหายจากตรงไหนต้องไปแจ้งความที่นั่น พ่อก็ไม่รู้จะลงไปแจ้งความยังไงที่ศรีราชา เงินก็ไม่มีเริ่มลำบากกันแล้วตอนนั้น
.
“ตอนที่แม่เขาผ่าตัดเสร็จแล้ว ออยเขาเริ่มซื้อเสา เหล็ก อิฐ ปูนทราย พวกอุปกรณ์ก่อสร้างมาเตรียมทำบ้านใหม่แล้วนะ พอเขาหายไปนาน เราก็ไม่มีเงิน ก็เริ่มทยอยเอาของพวกนั้นไปขายจนหมด ตอนนี้ก็ยังอยู่บ้านไม้หลังเดิม แม่เขาผ่าตัดสมองมาก็ไม่เหมือนเดิม ไม่แข็งแรง ส่วนพ่อตอนนี้เป็นมะเร็ง และมันไปกดเส้นประสาท เดี๋ยวนี้ซีกขวาไม่มีแรงแล้ว เหมือนคนพิการที่ต้องนอนเฉยๆ
.
“พ่อรู้จักออยดี เขาไม่หายไปแบบนี้แน่ๆ เขาเป็นห่วงพ่อแม่ ใจพ่อตอนนี้ คิดว่าเขาต้องเกิดเหตุร้ายแน่ๆ มันมีอะไรผิดปกติ ถ้าเขายังอยู่เขาต้องกลับมาบ้านแล้ว นี่ 6 ปีแล้วที่เขาหายเงียบไป คุยกันกับแม่เขาตลอด ว่าลูกเราหายไปไหน เป็นตายร้ายดียังไง ถ้ามีแรงมีกำลังก็อยากออกไปตามหาเขา แต่ตอนนี้ไม่รู้จะไปยังไง ขอแค่รู้ว่าเขาอยู่ไหนจะเป็นตายร้ายดียังไง ขอแค่รู้ เพราะการไม่รู้อะไรเลยแบบนี้มันทรมาน…”

นายบุญส่ง ศรีเดช อายุ 64 ปี
พ่อนางสาวยุพา ศรีเดช หรือ ออย (คนหาย)
สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563
พ่อเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563
ก่อนทราบผลดีเอ็นเอ
ว่าศพหญิงนิรนามที่หนองขามคือ ศพน้องออย

ขอขอบคุณ มูลนิธิกระจกเงา https://www.facebook.com/Thaimissing/

 

ข่าวเมื่อปี2557

ฆ่าบีบคอกดน้ำ สาวนิรนามหมกคูข้างถนน ศพอืดโชยกลิ่น คาดลวงข่มขืน

ฆ่าอำมหิตสาวนิรนามสวมชุดแซ็กหมกศพคาคูน้ำริมถนนลูกรังติดไร่มันสำปะหลัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 4-5 วัน ชาวบ้านออกหาผักผ่านไป เจอศพอืดสยองถึงกับผงะรีบโร่แจ้งตำรวจ ค้นในตัวไม่พบหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน ยังตรวจสอบบาดแผลไม่ได้ คาดเหยื่อสาวเคราะห์ร้ายเป็นคนต่างถิ่นถูกคนรู้จักล่อลวงมาข่มขืนแล้วจับกดน้ำ ฆ่าทิ้ง เร่งตามหาญาติมาสอบสวนคลี่ปมปริศนาฆาตกรรมโหด

เหตุฆาตกรรมหญิงสาวนิรนามรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 26 พ.ค. ร.ต.อ.สมพงษ์ อติวงศ์ธาดา พงส.สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้หญิงเสียชีวิตในคูน้ำข้างทางถนนลูกรังแยกมาจากถนนสายวังค้อ-สุสานสิงโตคู่ หมู่ 3 ต.บึง อ.ศรีราชา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นำกำลังฝ่ายสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนนลูกรังตัดผ่านไร่มันสำปะหลังอยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชน ในคูน้ำข้างทางพบศพผู้หญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 20-30 ปี สวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงเปิดไหล่ลักษณะคล้ายชุดแซ็ก มีกางเกงขาสั้นนุ่งอยู่อีกตัว สภาพศพขึ้นอืดเน่าเฟะ ศีรษะจุ่มอยู่ในน้ำจนเนื้อหนังหลุดออกเหลือแต่หัวกะโหลกขาวโพลน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ค้นในตัวไม่พบหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน เบื้องต้นยังไม่สามารถตรวจสอบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกข่มขืนได้ จึงนำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านออกมาหาผักบริเวณดังกล่าว ได้กลิ่นเน่าเหม็นบริเวณคูน้ำข้างทางจึงเดินเข้าไปดูก็ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อพบศพสาวนิรนามศีรษะจุ่มอยู่ในน้ำจึงรีบแจ้งตำรวจ จากการสอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียงไม่มีใครรู้จักผู้ตาย เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายเป็นคนต่างถิ่น เพราะจากลักษณะการแต่งกายไม่เหมือนชาวสวนชาวไร่ในละแวกใกล้เคียง อาจถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนรู้จักล่อลวงมาข่มขืนกระทำชำเราแล้วฆ่าทิ้งโดยการจับกดน้ำจนขาดใจตาย ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนหาเบาะแสว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน เพื่อจะได้ติดตามญาติมาสอบสวนหาชนวนเหตุคลี่คลายคดีต่อไป

‘>

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

ข่าวเด่นเพชรบูรณ์ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด