กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อพิพาทที่ดินสาธารณประโยชน์รัฐขับไล่ชาวบ้านบุกรุกป่า
สืบเนื่องกรณีการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัย อยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าโคก-ตาด ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่กว่า 1.9 พันไร่ ว่าถูกขับไล่ออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม และเมื่อไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และศาลปกครองพิษณุโลก มีคำพิพากษาให้อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเลา ดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด โดยให้ออกจากพื้นที่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ นั้น
วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เวลา 12.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ให้การต้อนรับ คณะเดินทางศึกษาดูงาน ของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฏร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรรมาธิการ ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ และข้าราชการกลุ่มงานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ฯ สำนักกรรมาธิการ 2 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ (นายสาคร รุ่งเรือง) หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 (ส.ส. พิมพ์พร พรพฤติพันธ์) และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากรณีดังกล่าว ร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติ ณ ห้องเมืองราด ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์
โดยในช่วงแรกเป็นการนำเสนอข้อมูลของทางฝ่ายราชการ ประกอบด้วย ที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาดและสถานการณ์ปัจจุบันที่ทางราชการได้ดำเนินการ
จากนั้น นายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รายงานข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ประธานได้วินิจฉัย
นายขจิตร ชัยนิคม กล่าวกับหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดเพชรบูรณ์ และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด ว่า เนื่องจากปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อเป็นเวลานานและคณะกรรมาธิการฯได้รับทราบข้อมูลแล้ว จากนี้จะนำข้อมูลที่ได้รับไปแสวงหาวิธีการและข้อยุติที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ภายใต้กรอบของกฎหมาย
กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อพิพาทที่ดินสาธารณประโยชน์รัฐขับไล่ชาวบ้านบุกรุกป่าโคกตาด 1.9 พันไร่ วันที่ 15 มิ.ย.นี้! พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองปธ.ฯ เผยตั้งกระทู้ถามรมว.มหาดไทยแล้ว รอฟังคำตอบรวมปมเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนมีการทุจริตหรือไม่ด้วย
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่กว่า 1.9 พันไร่ ว่า กำลังถูกขับไล่ออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม และเมื่อไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และศาลปกครองพิษณุโลกมีคำพิพากษาให้อำเภอเมืองเพชรบูรณ์และองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเลา ดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ป่าโคกตาด ให้ออกจากพื้นที่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ แล้ว
(อ่านประกอบ : ใครผิดใครถูก? ข้อพิพาทที่ดินสาธารณประโยชน์ รัฐขับไล่ชาวบ้านบุกรุกป่าโคกตาด 1.9 พันไร่)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจาก นางสุรภา เมฆอรุณ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ป่าโคกตาด ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ว่า ได้รับแจ้งจากนายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ว่า ในวันที่ 15 มิ.ย.2563 นี้ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร จะลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้อร้องเรียนของชาวบ้าน (ดูเอกสารประกอบ)
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองประธานคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ได้รับแจ้งว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ จ.เพชรบูรณ์ นำเรื่องนี้เข้ามาในที่ประชุมและมีกรรมาธิการฯ พูดถึงประเด็นนี้กันมาก จึงหารือกันว่าจะลงไปดูไปคุยข้อเท็จจริงร่วมกันว่าประเด็นที่ชาวบ้านร้องเรียนมา มีอะไรบ้างที่ต้องได้รับการแก้ปัญหา โดยเฉพาะประเด็นการออกเอกสารสิทธิ์ที่เกิดปัญหาทั้งหมด ว่าเกิดปัญหาอย่างไร เพื่อสอบข้อเท็จจริงหาข้อยุติให้ได้
พล.ต.ต. สุพิศาล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ได้ซักถามไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงข้อเท็จจริงในประเด็นปัญหานี้ด้วย
“มีการตั้งกระทู้ถามแยกไปแล้ว รอว่ารัฐมนตรีจะตอบกลับมามาเมื่อไหร่ ต้องรอว่าท่านรัฐมนตรีจะพร้อมให้บรรจุในห้องกระทู้ห้องแยกเมื่อไหร่ เพราะการตอบกระทู้ในห้องแยกเฉพาะนั้น รัฐมนตรีต้องพร้อมตอบด้วย ถ้าไม่พร้อมตอบ กระทู้ก็จะค้างไปเรื่อยๆ” พล.ต.ต. สุพิศาลระบุ
พล.ต.ต. สุพิศาล ยังกล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ตั้งกระทู้ถามรมว.มหาดไทยมีประเด็นเรื่องการขอเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนที่มีการทุจริตอะไรหรือไม่ เพราะจุดประสงค์คือการหาข้อเท็จจริง ว่าการประกาศพื้นที่ทับซ้อนทับที่ดินของราษฎรนั้น มีการทุจริตหรือไม่ และการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งประเด็นระวางตามที่ระบุในแผนที่ของกรมแผนที่ทหารว่าใช้เกณฑ์อะไรในการกำหนดระวาง ก็จะนำมาตรวจสอบด้วย
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ ต้องไปฟังเจ้าพนักงานและทางจังหวัด ว่าการกระทำที่ผ่านมา ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างใด ผู้ร้องเขามีเอกสารสิทธิ์ใดในการอยู่ในที่ดินดังกล่าว รวมทั้งเรื่องของระวางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โฉนดที่มีขึ้น หรือการครอบครองนั้น เข้าไปครอบครองได้อย่างใด” พล.ต.ตรี สุพิศาล ระบุ
ขณะที่ นางสุรภา เมฆอรุณ ตัวแทนชาวบ้าน 26 ราย ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า การไล่เธอและพวกรวม 26 คนออกจากพื้นที่ถือเป็นความเข้าใจผิด ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2555 ในพื้นที่ ต.ป่าเลาซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับ ต.นางั่ว มีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านสองรายไปฟ้องนายก อบต.ป่าเลาว่ามีการปล่อยให้ชาวบ้านบุกรุกที่สาธารณะ และมีการไปฟ้องศาลปกครองในครั้งนั้นคือการฟ้องที่ ต.ป่าเลา เลข นสล.ที่พช. 159 เนื้อที่ 1,900 กว่าไร่ แต่นางสุรภาและพวกรวม 26 ราย อยู่ใน ต.นางั่ว เป็นเพียงพื้นที่ติดต่อกัน
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook