LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์
คณะอนุกรรมการคัดเลือกเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นด้านการประมง 17 นำโดยนายสายันต์ เอี่ยมรอด ผู้ตรวจราชการกรมประมง เข้าตรวจประเมินคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นด้านการประมง ของนายกฤษฎา อินทรสุข ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายด้านการประมง เลขที่ 55 หมู่ที่ 10 ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 มี นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิผล นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ว่าที่ร้อยตรี ชัยรัตน์ พุ่มช่วย ประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ นายเมธา คะชาภิชาติ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเพชรบูรณ์ นางพรรณภา มีขุน ประมงอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกแปลงใหญ่ปลานิลห้วยสะแก มาร่วมให้ข้อมูลและให้กำลังใจ อีกทั้ง ทางคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ได้ร่วมจัดนิทรรศการ การแสดงสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา เป็นผลงานที่ได้ดำเนินการร่วมกันให้คณะกรรมการได้รับทราบ อีกด้วย
ว่าที่ร้อยตรี ชัยรัตน์ พุ่มช่วย ประมงจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ในการเข้าตรวจประเมินคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นด้านการประมงครั้งนี้ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นของแต่ละจังหวัดในเขต 17 ประกอบด้วย จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย ตาก อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ ให้เหลือเกษตรกรดีเด่นเพียงหนึ่งราย เข้าพิจารณาแข่งขันต่อในระดับชาติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณ และผลงานของเกษตรกรให้ปรากฎต่อสาธารณชนต่อไป
นายกฤษฎา อินทรสุข เป็นเกษตรกรดีเด่นด้านการประมง ประจำปี 2563 ของจังหวัดเพชบูรณ์ ได้ประกอบอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในพื้นที่ 30 ไร่ มีบ่อเลี้ยงปลาทั้งหมด 10 บ่อ เริ่มแรกจะเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน มีทั้งปลานิล ปลาตะเพียนขาว และปลายี่สก เลี้ยงรวมกัน โดยใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นเป็นอาหาร แต่ผลผลิตที่ได้ สร้างรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวคิด หันมาเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เก็บเกี่ยวความรู้จากการอบรม จากการศึกษาดูงานของหน่วยงานต่าง ๆ พบว่าทางรอด คือ การใช้หลักการเกษตรแบบผสมผสานในพื้นที่ของตัวเองที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการปลูกพืชบนคันบ่อ เก็บผลผลิตออกจำหน่ายตลอดปี แต่ยังยึดอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นหลัก ด้วยการปรับวิธีการเลี้ยงให้เป็นไปตามหลักวิชาการ คือ ลดความหนาแน่นของการเลี้ยงลง ใช้เครื่องตีน้ำในการเพิ่มอากาศ นำจุลินทรีย์มาช่วยบำบัดให้น้ำมีคุณภาพเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของปลาอยู่เสมอ ป้องกันศัตรูของปลาจากนกโดยใช้ตาข่าย ลดต้นทุนการผลิตจากอาหาร โดยผลิตอาหารใช้เอง และลดค่าใช้จ่ายจากการสูบน้ำ โดยหันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์แทน จากการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพพื้นที่ของฟาร์ม จนประสบความสำเร็จในระดับเป็นที่น่าพอใจ มีผลกำไรต่อรุ่น สามารถนำมาเป็นเงินเก็บนำมาลดภาระหนี้และเป็นเงินทุนในรุ่นต่อไปได้ จึงเป็นการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผลการพิจารณานั้น เกษตรกรดีเด่นด้านการประมงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับการคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นระดับเขต ซึ่งจะได้เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในระดับประเทศต่อไป
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook