วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีวัยรุ่นประสบอุบัติเหตุเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และได้สีชีวิตในเวลาต่อมา โดยพ่อ-แม่ ได้ยินยอมบริจาคอวัยวะของลูกชายที่เสียชีวิต เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีก 5 ชีวิต
ทั้งนี้สภากาชาดไทยได้มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้เสียชีวิตด้วย โดยมีนางจรัสนภา เอี่ยมวิจารณ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูณณ์ เป็นตัวแทนมอบ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ซึ่งได้พบกับ นางวาสนา ขวัญทอง อายุ 48 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่าตนและครอบครัวเป็นชาวอำเภอหล่มสัก มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่
ผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโต ชื่อนายภคพล ขวัญทอง อายุ 18 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนหล่มสักพิทยาคม ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี นายอำพล ขวัญทอง ผู้เป็นพ่อ ต้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตนเองตั้งท้องน้องภคพลได้ 8 เดือน และนาน ๆ จะกลับมาบ้าน
ส่วนตนเองเป็นแม่บ้านอย่างเดียว ไม่ได้ทำงานอะไร เนื่องจากภาวะสุขภาพไม่แข็งแรง ในวันเกิดเหตุลูกชายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเพื่อนที่บ้าน ขากลับได้ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถกระบะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลหล่มสัก และส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
หลังจากแพทย์ได้แจ้งว่า ลูกชายเสียชีวิต ในตอนแรกตนก็ยังทำใจไม่ได้ เนื่องจากลูกชายเป็นความหวังของครอบครัว ที่จะให้ดูแลครอบครัวในอนาคต แต่เมื่อสามีได้ปลอบใจและให้กำลังใจ ตนจึงแจ้งความประสงค์ว่าจะบริจาคอวัยวะทุกอย่างของลูกชายที่ จะสามารถนำไปช่วยชีวิตคนอื่นได้ โดยตนเชื่อว่าการบริจาคในครั้งนี้ จะเป็นผลบุญส่งไปให้ลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดี
ด้านนายอำพล ขวัญทอง ผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า ตามปกติลูกชายเป็นคนชอบทำบุญ และได้เคยพูดคุยกันอยู่ประจำ โดยลูกชายบอกว่าหากเรียนจบตั้งใจที่จะสอบบรรจุเป็นทหารหรือตำรวจให้ได้ เพื่อที่พ่อจะได้ไม่ต้องไปทำงานรับจ้าง จะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเสียก่อน
ในครั้งแรกที่ตนทราบข่าว และเมื่อมาเห็นสภาพของลูก จึงพอจะรู้ว่าลูกชายอาจจะไม่ได้อยู่กับเราแน่ ๆ จึงคิดที่จะบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือคนอื่น แต่ผู้เป็นแม่ยังทำใจไม่ได้ กระทั่งได้มีการพูดจาและเห็นถึงบุญกุศลที่ลูกจะได้รับจึงยินยอม
แพทย์หญิงฤทัย วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กล่าวว่าผู้เสียชีวิตมาด้วยเข้ามาด้วยอุบัติเหตุ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2563 แพทย์และพยาบาลได้ดูแลรักษาอย่างเต็มที่ แต่อาการของน้องหนักมากและได้เกิดอาการก้านสมองตาย แต่อวัยวะบางส่วนยังทำงานอยู่ ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว
จึงได้แจ้งเรื่องโครงการบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่น ซึ่งในตอนแรกญาติยังไม่พร้อม เนื่องจากอยู่ในช่วงทำใจในความสูญเสีย กระทั่งต่อมาได้แจ้งกับแพทย์ว่า ยินดีที่จะบริจาคอวัยวะทุกส่วน ที่จะสามารถนำไปช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ และจากการวินิจฉัยของแพทย์พบว่า อวัยวะที่สามารถนำไปช่วยผู้อื่นได้ประกอบด้วย ลิ้นหัวใจ ดวงตา 2 ข้าง ไต 2 ข้าง ซึ่งทั้งหมดสามารถนำไปช่วยชีวิตบุคคลอื่นได้อีกถึง 5 คน
ที่มาและขอบคุณ ทีมตระเวนข่าวถึงที่’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook