จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2563
นายสุพจน์ วงศ์พรหมท้าว รองอธิบดีกรมพลศึกษา เปิดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2563 ณ โรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายไพบูลย์ กุลแพง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงาน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และนักกีฬาร่วมกิจกรรม
นายไพบูลย์ กุลแพง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2563 เพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ทั่วจังหวัด มีสุขภาวะและสมรรถภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย เล่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการ ตลอดจนสรรหานักกีฬาที่มีความสามารถเป็นตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมแข่งขันกีฬาในระดับประเทศ
โดยจัดให้มีการแข่งขันกีฬารวม 4 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กีฬาฟุตบอล 7 คนชาย กีฬาวอลเลย์บอลหญิง กีฬาเปตอง (ชาย-หญิง) และกีฬาเซปักตะกร้อ ประเภททีมเดี่ยวชาย และกิจกรรมกีฬาพื้นบ้าน จำนวน 3 ประเภท ได้แก่. ตักน้ำใส่กระบอก ประเภทชาย ประเภทหญิง วิ่งแบกก๋วย ประเภทชาย ประเภทหญิง (50 เมตร / 100 เมตร) และชักเย่อ (พื้นบ้าน) ประเภทชาย และประเภทหญิง
การจัดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขา ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่งต่อการส่งเสริมสุขภาพทางร่างกายและจิตใจให้กับชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ซึ่งจังหวัดเพชรบูรณ์ มีประชากรที่เป็นชาวเขาชนเผ่าต่างๆอาศัยอยู่ 2 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเขาค้อ และอำเภอหล่มเก่า อีกทั้งยังส่งเสริมประสบการณ์การเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับจังหวัดให้ชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ได้มีโอกาสเล่นกีฬาเพื่อพัฒนาสมรรถภาพร่างกายจิตใจให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เคารพในกฎ กติกา มารยาทการแข่งขัน และสามารถดำเนินชีวิตร่วมกันในสังคมได้อย่างภาคภูมิ
กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินโครงการจัดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 7 – 8 กันยายน 2563 ณ โรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากเห็นว่าการกีฬาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขาชนเผ่าต่างๆ เพราะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสุขภาพพลานามัย และส่งเสริมให้ประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทั่วประเทศ ได้รู้จักการออกกำลังกาย โดยการเล่นกีฬาอย่างถูกวิธี เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และสามารถสร้างความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ อันนำไปสู่ความสมานฉันท์ และความมั่นคงในชาติ
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook