เช้าวันนี้(23 มค.56) ที่โรงเรียนบ้านดงขวาง หมู่ที่ 6 ตำบลน้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ นายจิรายุทธ วัจนะรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นายคณีธิป บุณยเกตุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายไกรสร กองฉลาด ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ได้จัดโครงการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้บริการเชิงรุกแก่ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันสถานการณ์โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จำนวนกว่า 30 หน่วยงานออกให้บริการ อาทิ ด้านเกษตร ปศุสัตว์ ประมง สาธารณสุข กศน. พลังงาน ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมากเข้ารับบริการ
นายธนพัฒน์ รัตนประสงค์ ปลัดอาวุโส รักษาการแทนนายอำเภอหล่มสัก ได้รายงานสภาพพื้นที่ ตำบลน้ำชุน อำเภอหล่มสัก เป็นพื้นที่ราบติดเชิงเขา มีหมู่บ้าน 17 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 15,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกข้าว ยาสูบ ข้าวโพด ในปี 2544 ได้เกิดอุทกภัยใหญ่ หลังจากมีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายแห่งในพื้นที่ ไม่ปรากฎมีอุทกภัยรุนแรงเกิดขึ้น
จากนั้นได้เปิดเวทีประชาคมพบมีปัญหาด้านการคมนาคม ถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 ระยะทาง 560 เมตร เป็นหลุมบ่อ หน้าฝนมีน้ำท่วมขัง และคลองน้ำชุน ช่วงหมู่ที่ 14 บ้านหินโง่น น้ำกัดเซาะถนน เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร ปัญหาดังกล่าวผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ชี้แจงว่าขณะนี้ได้นำเข้าแผนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ ราษฎรยังประสบปัญหาขาดน้ำเพื่อการอุปโภคและน้ำเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ในพื้นที่หมู่ที่ 6 . 7 ,8 และ 9 ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ได้จัดทำฝายกั้นน้ำในพื้นที่หมู่ 7แล้ว
ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้กล่าวปราศรัยกับประชาชนว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเพื่อสร้างโอกาสแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งจังหวัดเพชรบูรณ์มียุทธศาสตร์เป็นแหล่งผลิตพืชอาหารเกษตรปลอดภัยของภูมิภาคและส่งออกต่างประเทศ และจากการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับงบประมาณ 100 ล้าน ใน6 โครงการ ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน และยังได้รับประโยชน์จากโครงการถนน 4 เลน จากพิษณุโลก – หล่มสัก – ขอนแก่น รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook