ตำรวจกองปราบฯ ตามรวบมือปืนโหด ทีมฆ่าหนุ่มนิวซีแลนด์ เมื่อปี 49 หนีกบดานเขาค้อ ปมถูกเมียไทยสั่งเก็บ หลังถูกขู่ยึดทรัพย์คืน จากการขายยาสเตียรอยด์เถื่อน ส่งออกเมืองนอกมื่อวันที่ 16 พ.ย.63 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายเยี่ยมวุฒิ หรือนายปกป้อง จุลพงษ์ อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 442/2549 ลง 22 เม.ย.2549 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” จับได้ที่บริเวณเนินเขา ม.5 ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2549 นายเยี่ยมวุฒิ พร้อมด้วย น.ส.จินตนา วิชาชัย อายุ 29 ปี และ นายวราวธิป กาซะวงศ์ อายุ 24 ปี ได้ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายสตีเฟน จิฟเฟอร์รี่ มิลเลอร์ อายุ 40 ปี นักธุรกิจชาวนิวซีแลนด์ แฟนหนุ่มของ น.ส.จินตนา เสียชีวิตภายในซอยสนามไดรฟ์กอล์ฟ ถนนพัทยาสายสาม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากแนวทางสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จินตนา ได้คบหาอยู่กินฉันสามี-ภรรยา กับ นายสตีเฟน มานานและประกอบอาชีพแอบลักลอบผลิตยาปลอม ประเภทสารสเตียรอยด์ส่งออกนอกประเทศ โดยมี น.ส.จินตนา คอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือในการจัดส่งยาปลอมให้กับชาวต่างประเทศ และเป็นผู้เก็บรวบรวมเงินที่ได้จากการจำหน่ายยาดังกล่าว แต่ระยะหลัง นายสตีเฟน เริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงชอบทำร้ายร่างกาย น.ส.จินตนา อยู่เป็นประจำ รวมถึงพูดจาข่มขู่ว่าจะยึดทรัพย์สินทั้งหมดที่เคยให้ น.ส.จินตนา กลับคืน จึงทำให้ น.ส.จินตนา เกิดความไม่พอใจ และได้ขอความช่วยเหลือจาก นายวราวธิป กาซะวงศ์ หนุ่มชาวไทย และ นายเยี่ยมวุฒิ มือปืนซึ่งเป็นเพื่อนของ นายวราวธิป ให้มาก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุม น.ส.จินตนา และ นายวราวธิป ได้ พร้อมกับให้การซัดทอดว่า นายเยี่ยมวุฒิ ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี เป็นผู้ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า ปัจจุบัน นายเยี่ยมวุฒิ ได้หนีมากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการสอบสวน นายเยี่ยมวุฒิ ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ถูกกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook