เวลา 12.20 น.วันที่ 24 ธันวาคม นางทัตพร คงเพชร หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นายวันชาติ ดวงพัตรา ตัวแทนบริษัท เพื่อนไทย จำกัด พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้าน นางสาวเจนจิตร เสนานุช ผู้เสียหาย ที่ ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เข้ามอบกระเช้า พร้อมเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง มาตรการแก้ไข และแนวทางการลงโทษพนักงานขับรถทัวร์ ที่ปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถ
คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยหัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง พร้อมผู้ตรวจการ สำนักงานขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์, ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์, นายสถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอหล่มสัก บริษัท เพื่อนไทย จำกัด และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ พร้อมตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถทัวร์ ที่ก่อเหตุห้ามสาวพิการขึ้นรถทัวร์กลับบ้านที่อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งสาวพิการได้ถ่ายคลิปไว้และนำมาเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลจนชาวเน็ตสงสารเห็นใจพากันรุมประณามทั้งพนักงานขับรถและบริษัทผู้ประกอบการกันอย่างหนัก โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปที่บ้านพักของ น.ส.เจนจิตร เสนานุช หรือ”น้ำตาล” ที่ อ.หล่มเก่า เพื่อแสดงการขอโทษต่อน.ส.เจนจิตรสาวพิการรายนี้ พร้อมชี้แจงถึงมาตรการแก้ไขและแนวทางการลงโทษพนักงานขับรถทัวร์ให้น.ส.เจนจิตรทราบ
นางทัตพร คงเพชร หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกจะให้พนักงานรถทัวร์ ไปชี้แจง ข้อเท็จจริง และดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และอาจจะมีการพักใบอนุญาต คือ ในระยะเวลาพักใช้ใบอนุญาตพนักงานรถทัวร์ จะไม่สามารถขับรถได้
ทั้งนี้ทั้งผู้ประกอบการและพนักงานขับรถ นอกจากจะขอโทษน.ส.เจนจิราแล้ว ยังแสดงการขอโทษครอบครัวของสาวพิการอีกด้วย พร้อมขอโอกาสแก้ตัวใหม่คงถูกพักใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว ด้วย โดยพนักงานขับรถที่ก่อเหตุยังอ้างด้วยว่า เพิ่งจะถูกสับเปลี่ยนมาขับรถสายนี้ใหม่ ซึ่งเดิมขับอยู่สายแม่สอด-กทม. ทำให้ไม่รู้จักหรือคุ้นเคย แม้น.ส.เจนจิตรจะเดินทางขึ้นลงเพชรบูรณ์-กทม.เป็นประจำก็ตาม จากนั้นได้มอบกระเช้าของขวัญให้กับน.ส.เจนจิตร ในขณะที่น้องน้ำตาลและนายสมภาน เสนานุช บิดาน.ส.เจนจิตรไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังกล่าวย้ำกับทางผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถรายนี้ อย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” ส่วนพนักงานขับรถนั้น น.ส.เจนจิตรยังขอให้นำเหตุการณ์นี้ไปเป็นบทเรียนและขอให้ทำหน้าที่ให้ดีสุดสมกับที่ได้รับโอกาส ทั้งนี้สาวน้ำตาลยังเข้าใจดีว่าพนักงานขับรถรายนี้ยังมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว หากตกงานจะต้องได้รับความเดือร้อนจึงยอมให้อภัย
ส่วนขั้นตอนต่อไปทางผู้ประกอบการขนส่งจะนำพนักงานขับรถไปชี้แจงข้อเท็จจริง ณ กองตรวจการขนส่ง กรมการขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับต่อไป ทั้งนี้สำหรับโทษจะพนักงานคนขับรายนี้จะถูกปรับในข้อหาข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร โดยอัตราโทษสูงสุด 5,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตขับรถ เป็นเวลา 1 เดือน และก่อนหน้านี้บริษันขนส่งจำกัด(บขส.) ลงโทษปรับตามบริษัทฯผู้ประกอบการและเจ้าของรถทัวร์คันดังกล่าวเป็นเงิน 2,000 บาท ฐานไม่ควบคุมพนักงานรถร่วมฯให้ปฏิบัติตามระเบียบบริษัทฯ และ ไม่กระทำการใดๆ ให้ผู้โดยสารที่ชำระค่าโดยสารถูกต้อง ต้องลงจากรถก่อนถึงจุดหมายปลายทาง
สำหรับ น.ส.เจนจิตร เสนานุช หรือ “น้ำตาล” เคยไปออกรายการไมค์หมดหนี้เมื่อปี 2562 โดยตั้งใจหากชนะจะนำเงินรางวัลไปช่วยปลดหนี้ให้ครอบครัวที่กู้เงินกองทุนหมู่บ้านมา 60,000 บาท แต่ไปไม่ถึงความฝันที่ตั้งใจ โดยแพ้คู่แข่งจึงทำให้ได้รับเงินก้อนเล็กๆ แต่อย่างไรก็ตามหลังการออกรายงานดังกล่าว ทำให้มีผู้ใจบุญบริจาคเงินให้ จนได้เงินมาอีกก้อนซึ่งครอบครัวสาวน้ำตาลได้นำเงินบางส่วนไปชดหนี้สิน แต่อีกส่วนได้ให้น.ส.เจนจิตรเก็บไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาาการป่วยที่รพ.ศิริราช
ขอขอบคุณที่มาข่าว มติชน https://www.matichon.co.th/region/news_2499127
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook