จากกรณี พบผู้ป่วยโควิด จาก จ.สมุทรสาคร ซึ่งเดินทางไปเที่ยว ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเพื่อนอีก 5 คน โดยเข้าไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่อำเภอเขาค้อและภูทับเบิกอำเภอหล่มเก่า เข้าพักที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่งบนภูทับเบิก เมื่อคืนวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยทางจังหวัด ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทำความสะอาดฉีดยาพ่นฆ่าเชื้อ ออกคำสั่ง ห้ามสถานบริการที่พักโรงแรมรับนักท่องเที่ยวที่มาจาก 28 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) รวมทั้งได้สั่งปิดสถานประกอบการรีสอร์ทที่นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้าไปพักเป็นระยะเวลา 14 วัน และสั่งตรวจหาเชื้อ
ด้านเจ้าของรีสอร์ทภูทับเบิกซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวได้เข้าไปพักเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันเข้าพักนักท่องเที่ยวรายหนึ่งได้ใช้บัตรประชาชนซึ่งเป็นของจังหวัดสงขลาเข้ามาพัก ในการลงทะเบียนรวมทั้งได้สังเกตว่า รถคันที่ขับมาเป็นป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ใช่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดเสี่ยงอีก 3 จังหวัด จึงอนุญาตให้เข้าพักได้ ซึ่งตนก็ได้ให้ลงทะเบียน ตามหลักเกณฑ์การเข้าพักทุกประการ
น.ส.หนิง อายุ 23 ปี แม่ค้าขายผลไม้และของที่ระลึกบริเวณทางขึ้นจุดชมวิวภูทับเบิกเปิดเผยว่าก่อนปีใหม่ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวภูทับเบิกมากขึ้นเรื่อย ๆ เศรษฐกิจกำลังดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีข่าวว่ามีคนสมุทรสาครมาเที่ยวภูทับเบิกเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2564 ที่ผ่านมาแล้วตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 ก็ทำให้หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวหายมากกว่าครึ่ง รีสอร์ท ที่พัก ถูกคืนห้องเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของตนและแม่ค้ารายอื่น ๆ ก็ได้ซื้อผลไม้มาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อขายให้นักท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่และเดือนมกราคม 2564 นี้ แต่หลังจากมีข่าวแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย กลัวว่าเงินที่ลงทุนไปหลายหมื่นบาทอาจจะไม่ได้คืนก็เป็นได้ ตนขอตำหนิบุคคลดังกล่าวที่รู้ตัวว่าอยู่จังหวัดที่เสี่ยงควรปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ อย่างเช่นรายนี้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน เมื่อมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้ต้องปิดตลาด ปิดโรงเรียน ปิดสถานบันเทิง ทำให้เศรษฐกิจที่ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก รัฐบาลควรมีมาตรการดำเนินการกับกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook