พนักงานสอบสวน สภ.ท่าพล ดำเนินคดีกับหนุ่มใหญ่ขับรถฟอร์จูนเนอร์ย้อนศรวิ่งสวนเลนบนถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าตัวอ้างไม่ได้ขับรถเส้นทางนี้มาหลายปี โดน 3 ข้อหาส่งตัวฟ้องศาลดำเนินคดี
หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมบัติ บุญปาน รอง ผกก.สส.สภ.ท่าพล รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าพล ลงพื้นที่ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จนกระทั่งทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 484 เบตง พบผู้ครอบครองรถอยู่ที่ ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จึงแจ้งให้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าพล เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 17.00 น.ได้มีรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ขับรถวิ่งย้อนศรสวนเลนบนถนนสายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านนางั่ว ต.นางั่ว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ทำให้รถที่วิ่งมาในช่องทางปกติหักหลบกันเกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่รถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดวิ่งแต่อย่างใด และกลับขับต่อไปเรื่อยๆ ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของผู้ถ่ายคลิป โดยคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่ากันเป็นจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ขับรถคันดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา นายกีรติ อังคสิงห์ อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย บ้านเลขที่ 159 หมู่ 9 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 484 เบตง คันดังกล่าวได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.กรเอก โภชนะสมบัติ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าพล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ตั้งใจขับรถย้อนศร แต่เกิดจากว่าตนเองไม่ชินเส้นทางและไม่ได้ขับรถกลับมากว่าสิบปีแล้ว
ทางด้าน ร.ต.อ.กรเอก โภชนะสมบัติ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าพล กล่าวว่า หลังจากโลกโซเชียลลงแชร์กันว่ามีรถฟอจูเนอร์ขับรถย้อนศร เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 17.00 น. นั้น นายกีรติ อังคสิงห์ ผู้ขับขี่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน 2. ฝ่าฝืนขับรถไปในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายจราจรให้เป็นทางรถทางเดียว และ 3. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ซึ่งจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล จ.เพชรบูรณ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณข่าวสยามรัฐ https://siamrath.co.th/n/223824‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook