มือปืน ก่อเหตุกระหน่ำยิงหนุ่มเพชรบูรณ์ ดอดเข้ามอบตัวแล้ว ขณะที่ ผบช.ภ.7 เตรียมแถลงข่าวพรุ่งนี้ พบภาพกล้องวงจรปิดจับภาพนาทีลงมือสังหารโหด
ความคืบหน้ากรณี คนร้ายใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ก่อเหตุยิง นายอำพล บุ้งทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 3 ต.โคกสะอาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ กระสุนเข้าบริเวณศีรษะและตามร่างกายร่วม 10 นัด นอนเสียชีวิต เหตุเกิดภายในลานจอดรถ (วังสารภี พลาซ่า) หมู่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี เวลาประมาณ 08.20 น. ของวันนี้ 29 พ.ย.64
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้เชิญ นางรจนา ชีวี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/2 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนกับผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุและระบุตัวคนร้ายโดยหลังเกิดเหตุได้ไม่ถึง 5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็สามารถสืบทราบว่าผู้ก่อนั้นคือ นายแม๊ก (นามสมมติ) เป็นเจ้าหน้าที่งานกองช่างประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และที่สำคัญคนร้ายรายดังกล่าวนั้นเป็นลูกชายของ นางรจนา ชีวี อีกด้วย
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เดินทางมาประชุมเพื่อคลี่คลายคดี โดยมีคำสั่งการให้เจ้าหน้าที่สามารถยิงเพื่อป้องกันตัวได้หากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเวลาประมาณ 16.00 น. ญาติของผู้ก่อเหตุได้นำตัวมือปืนเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) พล.ต.ท.จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี ในเวลาประมาณ 14.00 น. สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ นายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของ นางรจนา ชีวี นั่นเอง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบกล้องที่ติดตั้งบริเวณจุดเกิดเหตุ สามารถจับภาพนาทีที่ นายสิทธิชัย มั่นคง หรือ แม๊ก ผู้ต้องหา ลงมือก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.20 น.ของวันที่ 29 พ.ย.64 พ.ย.64 พ.ต.ท.สุคนธ์ รัสเอี่ยม สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณลานจอดรถภายในพลาซ่าวังสารภี ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโตสายนอก หมู่ที่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมืองฯ หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ทราบเรื่อง จากนั้นจึงรีบนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพ.ต.ท.ศุภกิจ มหาโชคธรณี สวป.ฯ พ.ต.ต.มารุต ฉัตรทัณฑ์ สว.สส.ฯ และตำรวจชุดสืบสวนฯ ก็เดินทางไปถึง จึงประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ ตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ซึ่งในเวลาต่อมา พ.ต.อ.ภาคิน แสงพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วยตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.ฯ ได้เดินทางมาร่วมสอบสวนคลี่คลายคดี
จากการตรวจสอบที่บริเวณลานจอดรถพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนหงายจมกองเลือดอยู่ด้านท้ายรถยนต์เก๋งของลูกค้าที่จอดอยู่ ในสภาพมีบาดแผลกถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ศีรษะด้านหลัง 1นัด เข้าที่ข้อศอกด้านซ้าย 1 นัด เข้าที่หน้าท้องด้านซ้ายด้านขวาที่ละ 1 นัด และที่บริเวณลำคอและที่คางที่ละ 1 นัด เบ้าตาซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน จุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 11 ปลอก หัวกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 3 หัว 1 หัวพลาดเป้าไปทะลุกระจกหน้าบ้านของชาวบ้าน จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพส่งสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจเพื่อผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายตามระเบียบอีกครั้ง ตรวจสอบหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตายทราบว่าผู้ตายเป็นชาย อายุ 27 ปี อยู่หมู่ 3 ต.โคกสะอาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านวังสารภี พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุดีแม็คสีขาว หมายเลขทะเบียน บร.1849 กาญจนบุรี จอดอยู่ในช่องทางเลี้ยวเลนขวาของถนน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ น.ส.รจนา ชีวี อายุ 50 ปี ขับมาจอดติดไฟแดงอยู่ โดยมีนายอำพล ผู้ตายนั่งโดยสารมาด้วยขณะเกิดเหตุ ที่อยู่ในอาการช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งเบื้องต้นแนวทางการสอบสวนปากคำ นส.รจนาและผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ขณะที่ นส.รจนา ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว วิ่งมาจอดที่บริเวณสี่แยกไฟแดง เพื่อกลับรถจะเดินทางไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 ป้องกันโรคโควิด-19 ที่ รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ ตามที่หมอนัดไว้
ในระหว่างที่จอดรอสัญญาณไฟ อยู่ๆ ก็ได้มีคนร้ายเป็นผู้ชายขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน สวมหน้ากากอนามัย และสวมหมวกกันน็อค ขี่รถมาขวางหน้ารถยนต์กระบะ คนร้ายได้ตรงเข้ามาใช้มือทุบบานกระจกรถ และด่าทอตนและผู้ตาย บังคับให้เปิดประตูรถ แต่ตนไม่ยอมเปิด เป็นเวลาเดียวกันกับนายอำพล ผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนที่นั่งด้านซ้าย ตกใจเปิดประตูรถออกวิ่งหลบหนี โดยมีคนร้ายขี่รถ จยย.ไล่กวดติดตามไป พอไปถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่นายอำพล ผู้ตายหลายนัดจนนายอำพล ล้มลงขาดใจตายทันที จากนั้นก็ขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางสี่แยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าเข้าเมืองฯ หลบหนีไป จากปากคำให้การของ นส.รจนา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า นส.รจนา ต้องมีความรู้จักกับคนร้ายรายนี้เป็นอย่างดี ซึ่งแนวทางการสืบสวนทราบว่า คนร้ายได้ขี่รถสะกดรอยตามรถของ นส.รจนา และผู้ตาย เพื่อจะไปฉีดวัคซีนที่ รพ.ฯ จนกระทั่งรถมาจอดติดไฟแดง คนร้ายจึงลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจ ถ้าหากไม่รู้จักกัน คงถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิงไปด้วยอีกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสืบสวนสอบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหาเบาะแสของคนร้ายและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุคาดเป็นประเด็นชู้สาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุยิงกันอุกอาจภายในตัวเมืองกาญจนบุรี เวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งได้ให้ความสนใจคดีนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากคนร้ายกระทำการก่อเหตุแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมทั้งเรียกประชุมคณะนายตำรวจ ไม่ว่่าจะเป็นตำรวจชุด กก.สส.1 บก.สส.7 ตำรวจชุด กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี และตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยสั่งการให้ตำรวจ 3 กองสืบฯ บูรณาการกำลังร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้อย่างเร่งด่วน โดยให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนปากคำพยานทุกปากเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี ติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ในเร็วๆ วัน’>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook