LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์

ยินดีต้อนรับสู่เพจข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์

วันพุธที่ 25 ธันวาคม 2024
คอลัมน์วันนี้

ตามรอยม้ง..ที่บ้านเข็กน้อย

หลังจากคืนแรกที่เพชรบูรณ์ผ่านไป วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ครอบครัวผมก็ไปเดินเล่น บริเวณใกล้ ๆ ที่พัก อิมพีเรียล ภูแก้วฮิลล์ รีสอร์ท เห็นคนมุงซื้ออะไรกันอยู่ เราก็เลยเดินเข้าไปดู จึงรู้ว่าเป็นชาวเขาเผ่าม้ง นำสินค้า เสื้อผ้า ของชาวพื้นเมืองมาขาย มีแขกที่พักรีสอร์ทนี้มาซื้อกันมากพอสมควร ดูกันเองนะครับว่าเขามีอะไรมาขายกันบ้าง

 
ผมอุดหนุนผ้าขาวม้าผ้าฝ้ายมา 2 ผืน เนื้อผ้าละเอียด เย็บขอบเรียบร้อย ยาว 2 เมตร ขายผืนละ 80 บาท พ่อค้าแม่ค้าชาวม้ง พูดจาขายของเก่ง



แม่ค้าชาวม้งคนข้างล่างนี้กำลังทำอะไรเอ่ย แฮะ..แฮะ.. เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว !! 

ผมเข้าไปพูดคุยกับพ่อค้าชาวม้ง จึงได้รู้ว่าพวกเขามาจากบ้านเข็กน้อย เป็นชุมชนชาวเขาเผ่าม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ห่างจากรีสอร์ทนี้ประมาณ 5 กิโลเมตร ตอนนั้นครอบครัวผมยังไม่มีแผนที่ชัดเจนว่าวันนั้นจะไปเที่ยวไหนกันดี ก็เลยตัดสินใจว่าช่วงเช้าจะแวะไปเที่ยวบ้านเข็กน้อยกัน อยากไปดูวิถีชีวิตชาวม้ง แล้วหลังจากนั้น ช่วงบ่ายก็กะว่าจะไปเที่ยวภูหินร่องกล้ากันผมขับรถจากที่พักมาประมาณ 5 นาที ก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน เจอม้งคนหนึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซต์ มีลูกน้อยเกาะหลังอยู่ ดูกันเองนะครับว่าน่ารักขนาดไหน

ป้ายทางเข้าบ้านเข็กน้อยดูใหญ่อลังการทีเดียว 

เมื่อสักครู่นี้เองผมใช้กูเกิลช่วยค้นหาข้อมูลหมู่บ้านแห่งนี้ จึงได้รู้ที่มาที่ไปว่า …ชาวเขาเผ่าม้ง ได้อพยพเข้ามาอยู่ ในเขต 3 จังหวัด ประมาณ 70 ปีมาแล้ว โดยชาวเขาชุดแรกอพยพมาจากอำเภอปัว จังหวัดน่าน ผ่านมาทางอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และลงมาทางอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร แล้วเดินทางมายังอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ขึ้นไปอาศัยอยู่บ้านทับเบิก เป็นชุดแรก ต่อมาได้มีชาวเขาอพยพตามมาภายหลังอีก และได้ขยายหมู่บ้านขึ้นเป็นบ้านป่ายาบ บ้านขี้เถ้า บ้านเข็กเก่า บ้านป่าหวาย และบ้านเล็กบ้านน้อยต่าง ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 – 2515 กอ.ปค.จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ขอกันพื้นที่บ้านเข็กน้อยประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร และได้อพยพชาวเขาจากศูนย์แรกรับทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งบ้านป่าหยาบมารวมกันที่บ้านเข็กน้อย เพื่อเป็นแหล่งเดียวกัน พ.ศ.2524-2525 พตท. 33 ได้เปิดยุทธการผาเมืองเกรียงไกร และผาเมืองเผด็จศึก เพื่อกวาดล้างกองกำลัง ผกค. ทำให้ ผกค.ได้รับความพ่ายแพ้ทั้งทางทหารและทางการเมือง (วันนั้นเราเห็นข้อความด้านล่าง จึงเข้าใจว่าในอดีตสถานที่ตรงนี้เคยเป็นสมรภูมิรบย่อย ๆ มาก่อน)


ตำบลเข็กน้อย เป็นพื้นที่ที่มีความหนาวเย็นตลอดปี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ600-800 เมตร มีถนนลาดยาง จากบ้านเข็กน้อยถึงบ้านห้วยน้ำขาว 1 สาย ทิศเหนือติดกับ จ.พิษณุโลก ทิศใต้ ติดอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ทิศตะวันออก ติดกับ ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และทิศตะวันตก ติดกับ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงจำนวนประชากรในเขต อบต. 11,888 คน และจำนวนหลังคาเรือน 1,740 หลังคาเรือน อาชีพหลัก คือ การทำสวนทำไร่ ส่วนอาชีพเสริม นั้นคือ การค้าขาย และหัตถกรรม

ระหว่างทางที่ผมขับรถเข้าไปในชุมชนนี้ ก็จะเห็นชาวม้งเดินอยู่ริมทางเป็นระยะ ๆ
 

ป้ายสถานที่แห่งนี้ บ่งบอกได้ดีว่าชุมชนแห่งนี้มีเด็กเล็ก ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก



เราจอดรถลงไปดูวิถีชีวิตของชาวม้ง เห็นร้านค้าเล็ก ๆ เราเลยเข้าไปอุดหนุนซื้อสบู่ 1 ก้อน แต่ขอคุยด้วยนานหน่อย
 
แล้วภรรยาผมก็เดินไปพูดคุยกับสาวชาวม้งกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังนั่งปักเย็บผ้าอยู่หน้าบ้าน เพื่อส่งไปขายในเมือง
*
*

เด็กผู้หญิงก็ปักผ้าเป็นแล้ว

ราวตากผ้าข้างบ้านชาวม้ง ดูแปลกตาดี มีสีสัน

เด็กชายชาวม้งคนหนึ่งวิ่งไล่จับไก่เล่น ผมเลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ขณะที่กำลังเดินเล่นถ่ายรูปอยู่เพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงฆ้อง หม่ง..หม่ง..หม่ง ดังมาจากบ้านหลังหนึ่ง ถามป้าคนที่เป็นแม่ค้าบอกว่า มีการทำพิธีลงสีดาในบ้านหลังหนึ่ง ชาวม้งเชื่อว่าการทำพิธีลงสีดา จะช่วยทำให้คนหายจากการเจ็บป่วยได้ ชาวเขาคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่าสมัยก่อน ตอนที่ยังไม่มีหมอ การแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า เวลามีใครในหมู่บ้านเจ็บป่วย จะมีการทำพิธีลงสีดาทุกครั้ง แต่ตอนหลังนี้มีโรงพยาบาล และมีร้านขายยาแล้ว ชาวเขาก็จะไปรับบริการที่โรงพยาบาล หรือไม่ก็ไปซื้อยาที่ร้านขายยา

ผมก็เลยถามว่า แล้วทำไมที่บ้านหลังนั้นยังทำพิธีลงสีดากันอยู่ทำไมไม่พาคนป่วยไปหาหมอ เขาตอบว่า บ้านหลังนั้นกำลังทำพิธีเพื่อช่วยบรรเทาอาการป่วยของญาติคนหนึ่งซึงอยู่ที่อเมริกา ไม่ได้อยู่ที่เข็กน้อย ผมเลยถึงบางอ้อลูกชายผมเดินถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน ผมก็เดินดูบรรยากาศรอบ ๆ บริเวณนั้น
 *

หลังจากนั้นเราก็ขับรถไปแวะที่ตลาดขายไก่ ไก่เป็น ๆ ที่นี่ขายกันกิโลกรัมละ 100 บาท ยายชาวม้งคนนี้มานั่งคุยกับแม่ค้าขายไก่
*


ลูกชายผมตกใจเมื่อเห็นหมากับแมวอยู่ด้วยกันในสุ่ม คิดว่าคนที่หมู่บ้านนี้กินสัตว์เลี้ยงน่ารัก แต่เป็นการเข้าใจผิดครับ 


หมากับแมวคู่นั้นเป็นของเจ้าของร้าน เขาเอามาเลี้ยงไว้ในสุ่ม ไม่ได้เอามาขาย และไม่ได้เอาไว้เป็นอาหารอย่างที่ลูกผมเข้าใจ แต่ก็น่าเข้าใจผิดเหมือนกันนะครับ เพราะสุ่มข้าง ๆ ที่เหลือเป็นไก่ทั้งนั้นเลยจากนั้นเราก็ออกเดินทางจากบ้านเข็กน้อยกันตอนประมาณ 11 โมง ขับรถไปตามเส้นทางหล่มสัก-พิษณุโลก ตั้งใจจะไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันที่อ.นครไทย แล้วค่อยไปเที่ยวภูหินร่องกล้ากัน
แล้วผมจะกลับมาเล่าให้ฟังกันต่อในครั้งหน้านะครับ 

ที่มา http://www.oknation.net/blog/chaiyospun/2009/07/11/entry-1 ‘>

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

คอลัมน์วันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด