วันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนในเด็ก 5-11 ปี ของจ.เพชรบูรณ์ ซึ่งผู้ปกครองไม่ยินยอมที่จะให้บุตรหลานรับวัคซีนสูงถึงร้อยละ 50 ว่า ต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและต้องสร้างความตระหนัก เพราะกรณีที่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาสูงขึ้นอีก สาเหตุหนึ่งมาจากคลัสเตอร์เด็กในโรงเรียน และในการปูพรมตรวจ ATK เชิงรุกในกลุ่มเด็กก่อนโรงเรียนจะเปิดเรียน จึงทำให้เรารู้ว่ากลุ่มเสี่ยงที่มียังไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสจะติดเชื้อ แม้จะเป็นเด็กหากติดเชื้อแล้วอาการไม่รุนแรงก็ตาม ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความตระหนักให้ผู้ปกครองยินยอมให้เด็กเข้ารับวัคซีน
“วัคซีนที่นำมาฉีดในเด็กกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่วัคซีนที่ฉีดทั่วไปหรือฉีดในผู้ใหญ่ แต่เป็นวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มที่ได้รับรองจาก อย.แล้วว่า ฉีดในเด็กมีความปลอดภัย ฉะนั้นการยินยอมให้เด็กฉีดวัคซีนดังกล่าว จะมีความปลอดภัย โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดปัจจุบันนี้เชื้อคงอยู่กับเราตลอดอยู่แล้ว และโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ ก็มีค่อนข้างสูงเช่นกัน ฉะนั้นหากไม่ได้ฉีดวัคซีน ถ้าติดเชื้อก็มีโอกาสที่อาการจะรุนแรงได้” ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าว
นายกฤษณ์กล่าวว่า เชื่อว่าต่อไปผู้ปกครองคงเข้าใจ เพียงแต่ในช่วงนี้เป็นระยะแรกๆ ที่มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก จึงยังลังเลและไม่ค่อยมีความมั่นใจ อีกอย่างคงจะรอดูว่าจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ ซึ่งก็ไม่แตกต่างไปจากช่วงที่มีการฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ใหม่ๆ แต่หลังผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเมื่อเกิดความมั่นใจขึ้น ต่างก็ปรับเปลี่ยนหันมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้น จึงเชื่อว่าการฉีดวัคซีนในเด็ก สถานการณ์ก็คงไม่แตกต่างกัน ก็คงต้องทำความเข้าใจกันไป หรืออาจจะใช้วิธีปรับแผนการฉีดวัคซีนในโรงเรียนที่เปิดการเรียนการสอนแล้ว โดยทำความเข้าใจกับผู้ปกครองไปด้วย เพื่อให้ยินยอมโดยจะไปบังคับฉีดไม่ได้“ตอนนี้ก็เล็งๆไว้เช่นกันว่าจะจัดแคมเปญมีการแจกรางวัล เพื่อเชิญชวนหรือจูงใจให้เด็กกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนกันมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาจัดแคมเปญจูงใจฉีดวัคซีนเข็มแรกลุ้นทองในกลุ่มผู้ใหญ่ซึ่งถือเป็นการเก็บตกค่อนข้างได้ผล”นายกฤษณ์กล่าว
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook