ศาลฎีกาฯพิพากษา‘เอนก นาควิจิตร’ เลขาฯนายก อบจ.เพชรบูรณ์ จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ให้ครบถ้วนตอนพ้นตำแหน่ง สมุดเงินฝาก สําเนาทะเบียนรถ ภาพถ่ายทรัพย์สินอื่น 4 รายการ ภ.ง.ด. ติดถามทวงกลับเพิกเฉย เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 1 เดือน ปรับเงิน 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายเอนก นาควิจิตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (อบจ.เพชรบูรณ์) ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งฯ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1)โดยไม่ยื่นหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน ได้แก่ บัญชีเงินฝาก 9 รายการ สําเนาทะเบียนรถยนต์ 2 รายการ ภาพถ่ายสีทรัพย์สินอื่น 4 รายการ ได้แก่ แหวน 2 วง สร้อยคอทองคํา 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 3 องค์ และอาวุธปืน 5 กระบอก และ สําเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) ในรอบปีภาษี 2562 ของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อนโทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดคำพิพากษาดังนี้
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
วันที่ 8 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2566
ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
นายเอนก นาควิจิตร ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคําร้องและแก้ไขคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่ง ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาและลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1) และ 167
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ
พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารท้ายคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 ตามคําสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ 258/2557 ลงวันที่ 1 เมษายน 2557 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่งแล้ว ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง โดยไม่ยื่นหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน ได้แก่ บัญชีเงินฝาก 9 รายการ สําเนาทะเบียนรถยนต์ 2 รายการ ภาพถ่ายสีทรัพย์สินอื่น 4 รายการ ได้แก่ แหวน 2 วง สร้อยคอทองคํา 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 3 องค์ และอาวุธปืน 5 กระบอก และ สําเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) ในรอบปีภาษี 2562 ของ ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาดําเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ มีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา และมีหนังสือส่งบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังที่อยู่ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาระบุไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่ง แต่ไปรษณีย์ส่งคืนผู้ฝาก ระบุเหตุขัดข้องว่าบ้านปิด ไม่มารับภายในกําหนด ผู้ร้องจึงใช้โทรศัพท์สํานักงาน ป.ป.ช. จังหวัดเพชรบูรณ์ หมายเลข 0 5672 5514 ติดต่อ ไปยังผู้ถูกกล่าวหาที่โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 09 2879 5455 เพื่อแจ้งให้ทราบว่ายังดําเนินการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วน เป็นการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ผู้ถูกกล่าวหารับทราบแล้วว่ายังดําเนินการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วนและนัดหมายว่าจะดําเนินการให้ครบถ้วนถูกต้องภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 แต่เมื่อครบกําหนด ผู้ถูกกล่าวหายังคงเพิกเฉย
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ หนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือไม่
เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพชรบูรณ์ จึงเป็นผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องเมื่อพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อป้องปรามผู้ใช้อําานาจรัฐโดยมิชอบ องค์คณะผู้พิพากษาโดยมติเสียงข้างมาก เห็นว่าเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่งแล้ว ย่อมเป็นการแสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบถึงรายละเอียดและที่มาแห่งทรัพย์สินของตนและทราบว่าตน มีหน้าที่ที่จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน ตามที่กฎหมายกําหนด แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตําแหน่งภายในเวลาที่กฎหมายกําหนด แต่กลับไม่ยื่นเอกสารประกอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องให้ครบถ้วนถูกต้อง ทําให้ผู้ร้องไม่อาจตรวจสอบความถูกต้องของบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาได้ มีผลเช่นเดียวกับการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง อีกทั้งผู้ร้องเคยมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้ถูกกล่าวหาดําเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วนภายในเวลาที่ผู้ร้องกําหนด และผู้ร้องยังโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบอีกทางหนึ่งด้วย ผู้ถูกกล่าวหารับทราบและนัดหมายที่จะเข้ามาดําเนินการ แต่กลับเพิกเฉยและไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ด้วย
พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตําแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับมีความผิด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อนโทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระ ค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (คดีหมายเลขแดงที่ อม.6 /2566 วันที่ 8 มี.ค.2566)
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook