หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เผยหลังใช้กฎหมายบังคับรื้อถอนร้านอาหาร-รีสอร์ตบนภูทับเบิก ผ่านไป 8 ปี พบโรงเตี๊ยมภูทับเบิก เป้าหมายแรกที่ถูกรื้อ กลับมาผงาด สร้างใหม่ใหญ่กว่าเดิม พ้อ จนท.ภาครัฐปล่อยเกียร์ว่าง
วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีรถแบ็กโฮและแทรกเตอร์ล้อยางขุดปรับพื้นที่บนภูทับเบิก และมีการขนวัสดุเหล็กต่างๆ เตรียมก่อสร้างบริเวณที่ตั้งร้านอาหารและรีสอร์ตชื่อดัง โรงเตี๊ยม ซึ่งเดิมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 บริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ถูก ผวจ.เพชรบูรณ์, อธิบดีกรมป่าไม้, อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ, ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ และ กอ.รมน. สนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้, ตำรวจ, ทหาร, กอ.รมน. และ อส.จำนวนกว่า 500 นาย เพื่อเปิดปฏิบัติการรื้อถอน 19 รีสอร์ตที่ถูกคำสั่งให้รื้อถอนหลังครบกำหนดเวลา 7 วัน แต่เจ้าของหรือผู้ประกอบการรีสอร์ตซึ่งเหลือเพียง 16 รายยังดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อถอน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือ ร้านอาหารโรงเตี๊ยม ซึ่งมีเจ้าของคือเสี่ยแดง
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนตามกฎหมาย ผ่านไปเกือบ 8 ปี จากการตรวจสอบ ล่าสุดวันนี้พบว่าเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่ตั้งโรงเตี๊ยมเดิมที่เคยถูกจับกุมตรวจยึดดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย พบว่าเป้าหมายแรกที่เจ้าหน้าที่เคยเข้าทำการรื้อถอนนั้น กลับพบว่าวันนี้มีการก่อสร้างใหม่ใหญ่กว่าเดิมอีก
โดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมกับได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้, สจป.4 สาขาพิษณุโลก, กอ.รมน.จังหวัด พ.ช. เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยด่วนที่สุด
สำหรับการบุกรุกสร้างรีสอร์ตบนภูทับเบิก ซึ่งเป็นการบุกรุกใหม่ หลังปี 2559 เกือบทั้งหมด โดยในปี 2566 พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวว่า ได้เคยแจ้งให้ ผอ.สจป.4 สาขาพิษณุโลก ทราบแล้วว่ามีรีสอร์ตเพิ่มขึ้นรวมมากกว่า 500 แห่ง ซึ่งทางฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ พม.ก็ทราบดีทั้งหมด ซึ่งในขณะที่ขึ้นไปจับกุมรีสอร์ตที่บริเวณผาหัวสิงห์ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างก็มองเห็นชัดเจนและประสานให้ดำเนินการ แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพื้นที่ทุกฝ่ายก็ไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด ทั้งที่เครื่องมือที่สำคัญ คือ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ในท้องที่ตําบลวังบาล และตําบลบ้านเนิน อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังมีผลใช้บังคับอยู่
นอกจากนี้ พ.อ.พงษ์เพชร ยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย สร้างความยากลำบากในการทำงานของฝ่าย กอ.รมน.เป็นอย่างมาก ที่เหมือนทำงานเพียงลำพังฝ่ายเดียว
“จึงต้องฝากถามผู้ที่รับผิดชอบพื้นที่ว่าเหตุใดถึงไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ทั้งที่เครื่องมือที่สำคัญ คือ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 35/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ในท้องที่ตําบลวังบาล และตําบลบ้านเนิน อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ในส่วนตัวผมเองได้พยายามทำหน้าที่ ขันน๊อต กระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานตามหน้าที่ รวมทั้งประสานการปฏิบัติ และกำกับดูแลในภาพรวม ซึ่งได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ อย่างเต็มที่จนสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือเหมือนเช่นที่ผ่านมา คงเห็นว่าผมเหลืออายุราชการอีก 4 เดือนเท่านั้น (เกษียณปี 67) เมื่อประสานการปฏิบัติไปจึงเพิกเฉย ไม่สนใจ
นอกจากนี้ ผมยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย จึงปล่อยให้มีละเมิดกฎหมาย และท้าทายอำนาจรัฐ โดยไม่มีความยำเกรง ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ถ้าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานตามอำนาจหน้าที่ ปัญหานี้คงไม่ลุกลามบานปลายขนาดนี้” พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว..
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook