ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2567 สืบเนื่องกรณีนางสาวเอ (นามสมมุติ ) 19 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นตลาดโพธิ์จันทร์จำนวนกว่า 10 คน โดนล่อลวงไปในบ้านพักคลองศาลา ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ช่วยกันจับตัวขึงพืด ใช้ผงสีขาวไม่ทราบชนิดยัดปากและยัดจมูก จนหญิงสาววัย 19 ปี แขนขาอ่อนแรงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แต่ยังมีสติจำหน้าผู้ที่ลงมือข่มขืนตนเองได้ครบทุกคน จากนั้นผลัดกันรุมโทรมอย่างบ้าคลั่งและป่าเถื่อน มีการถ่ายคลิปวีดีโอไว้ข่มขู่ ซึ่งแม่เด็กเกรงว่าลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวว่าลูกสาวจะไม่ปลอดภัย เพราะหลังจากที่ไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ แล้วกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวยังได้พากันขับรถจักรยานยนต์ไปวนเวียนอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านของบุตรสาว จนทำให้เธอเกิดอาการเครียดและหวาดกลัว หลังจากนั้นผู้ปกครองหญิง 19 ปีพร้อมผู้ปกครอง ได้เดินทางเข้าไปขอความช่วยเหลือกับ ทนายอ้วน หรือนายสิทธิชัย ต๊ะอาจ และสื่อมวลชน ขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของคดีให้ด้วย
โดยนางรำไพ ฯ อายุ 41 ปี มารดาของ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี บุตรสาวและเป็นผู้เสียหาย ได้เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ มีนายธรวิวรรธน์ พันธ์เจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ลงมารับเรื่อง หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นตลาดโพธิ์จันทร์จำนวนกว่า 10 คน ล่อลวงไปรุมโทรมในบ้านพักคลองศาลา ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เพราะหลังจากเกิดเหตุช่วงกลางดึกของทุกวัน จะมีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์ เข้าไปบริเวณหน้าบ้าน และเดินวนเวียนมองเข้ามาในบ้าน และทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีญาติเป็นบุคคลมีสีในจังหวัดเพชรบูรณ์ เกรงว่าคดีของบุตรสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
หลังจากนั้นนายธรวิวรรธน์ พันธ์เจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ประสานไปยัง ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ มาชี้แจงความคืบหน้าในคดีว่าไปถึงไหนแล้ว โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาชี้แจ้งว่า เบื้องต้นได้ทำหนังสือประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนนทบุรี เพื่อได้ประสานข้อมูลและช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น เนื่องจากหญิง 19 ปี ผู้เสียหายหวาดกลัวไม่กล้าอยู่บ้านที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ลงไปอาศัยอยู่กับมารดาที่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อจะสะดวกเมื่อมีเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมและดูแล
ด้าน พ.ต.ท.จักริน วงเทวัญ สารวัตรสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่าทาง พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ ได้ทราบเรื่องนี้แล้ว และคดีก็มีความคืบหน้าไปมาก พร้อมทั้งได้มีการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 4 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันโทรมหญิง ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค.2567 ที่จะถึงนี้ และจะทำการสอบสวนนำตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน โดยได้สั่งการเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วน นางสาวภาวนา ธนคุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบูรณ์ ปฎิบัติหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า กรณีช่วยเหลือหญิง 19 ปี ตนเองได้รับรายงานแล้ว ในหลักเกณฑ์จะต้องพิจารณาเรื่องของ พรบ.ตอบแทนผู้เสียหายค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายในคดีอาญา ซึ่งในส่วนนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะต้องเป็นผู้แจ้งสิทธิให้กับผู้เสียหาย และจะช่วยเหลือทางคดีอาญา กรณีผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถขอค่าใช้จ่ายทนายความและค่าธรรมเนียมศาล เพื่อที่จะนำไปใช้ต่อสู้ในสิทธิของตนอีกขั้นตอนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปที่ พ.ต.ท.วิริยะ กิ่งแก้ว รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ผู้กำกับดูแลสำนวนคดี กล่าวว่า ให้ไปสอบถาม พ.ต.อ.ชัชวาล พวงคิด ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ แต่พอสื่อมวลชนโทรไปสอบถาม ก็ได้ปฎิเสธจะให้สัมภาษณ์ ล่าสุดวันนี้นางรำไพ ฯ อายุ 41 ปี มารดาของ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ผู้เสียหาย พร้อมด้วยทนายอ้วน หรือนายสิทธิชัย ต๊ะอาจ และสื่อมวลชน ได้เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ดังกล่าว โดยผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook