LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์

ยินดีต้อนรับสู่เพจข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์

วันพฤหัสที่ 19 ธันวาคม 2024
คอลัมน์วันนี้

สมมาตร คำมาตร ค่ายเพชรเจริญ ความภูมิใจของชาวเพชรบูรณ์

130824C4O31170

ต้องปรบมือให้ดังๆ กับความสำเร็จของ รุ่งเพชร เพชรเจริญ ที่คว้าแชมป์มวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 13 มาครองได้สำเร็จ

ทำให้ทีมงานหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง โดยเฉพาะหัวหน้าคณะที่ชื่อ สมมาตร คำมาตร ที่มาสานต่อค่ายมวยของผู้เป็นพ่อที่เคยสร้างตำนานมาก่อนในอดีต

คุณสมมาตร เล่าให้ฟังว่า ค่ายมวยเพชรเจริญ ได้ก่อตั้งมายาวนานกว่า 50 ปี แล้วถือว่าเป็นค่ายมวยที่ชาวเพชรบูรณ์รู้จักดี และเป็นชื่อของถนนสายหลักของเพชรบูรณ์อีกด้วย สมัยที่ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ยังชกมวยก็เคยอยู่ที่ค่ายนี้มาก่อน ซึ่งพ่อของตนเคยเลี้ยงแสนศักดิ์มาตั้งแต่เล็ก จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกนักมวยหลายคนที่เลิกมวยไปก็ยังให้ลูกหลานของตนมาชกมวยเหมือนเดิม

 ”ผมจำได้ว่าเข้ามาสานต่องานค่ายมวยได้เมื่อปี 2553 ซึ่งได้เคยสร้างผลงานเอาไว้มากมาย อย่างแชมป์เพชร 7 สี และเสื้อสามารถของช่อง 7สี ศรนักรบ เพชรเจริญ ก็ทำได้มาก่อน เมื่อมาในยุคผมจึงต้องรักษามาตรฐานให้ดีเหมือนเดิม ทุกวันนี้ที่ค่ายมีนักมวยในการดูแลกว่า 20 คน ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ส่วนมากแล้วเป็นลูก-หลานของนักมวยเก่าทั้งนั้น และที่สำคัญเป็นคนเพชรบูรณ์ทั้งหมด เพราะว่าผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำเด็กเพชรบูรณ์ให้ดังให้ได้ แม้จะมีเด็กที่อื่นมาสมัครแต่ผมไม่เอาขอเพชรบูรณ์อย่างเดียว”

เมื่อเด็กในค่ายมาอยู่ร่วมกันแล้ว คุณสมมาตร จะสอนให้รู้จักระเบียบวินัย เวลาซ้อมต้องซ้อม ต้องให้รู้จักเวลา และห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นอันขาด ที่ค่ายจะเข้มงวดมาก นอกจากนั้นเรื่องเรียนต้องไม่ทิ้งเป็นอันขาดเพราะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับนักมวยทุกคนยามที่เลิกชกมวย และนักมวยที่นี่จะเป็นตัวแทนของกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง ชกมวยสมัครเล่นให้อีกด้วย

คุณสมมาตร เล่าให้ฟังว่า รุ่งเพชรมาอยู่ที่ค่ายนี้เพราะว่าอาของเขาเป็นเทรนเนอร์ที่ค่ายจึงมีความผูกพันกันมาก สายเลือดดีเพราะเป็นหลานของ ยอดเพชร เพชรยินดี เขาเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนมาก ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า รุ่งเพชรถือว่าโชคดีมาก เพราะเขาอยู่อันดับ 34 แต่ฝ่ายจัดเขาเอา 32 คน ปรากฏว่า คนหนึ่งเตี้ยเกิน อีกคนไม่มาทำให้รุ่งเพชรติดเป็นรายที่ 32

 ”รุ่งเพชรว่าไปแล้วเขามีโชคมากนับตั้งแต่จับสลากแล้วเราเจอกับ ขาวสนิท จนกระทั่งมาถึงรอบรองฯ เจอกับยอดกฤษดา ตามที่ผมหวังเอาไว้ซึ่งเราก็ผ่านเขามาได้ จนมาชิงกับสิงห์พรชัย มวยรายนี้ไม่ชอบหมัดผมจึงให้รุ่งเพชรเน้นหมัดมากขึ้นกว่าเดิม และน็อกเขาจนได้คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ”

การทำมวยแต่ละเดือนจะมีค่าใช้จ่าย 3-4 หมื่นบาท ส่วนมากจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร เงินค่าตัวของนักมวย ถ้าหากไปชกตามเวทีภูธรจะยกให้ทั้งหมด แต่ถ้ามาชกที่เมืองกรุงจะแบ่ง 50-50 ซึ่งทุกอย่างก็เคลียร์กันไม่มีปัญหา โดยเฉพาะรายของรุ่งเพชร รางวัลที่ได้มานั้นตกลงกันตามกติกา

 ท้ายนี้คุณสมมาตร ได้ฝากถึงคนทำมวยด้วยว่า อยากให้คนทำมวยทุกคนดูแลนักมวยให้ดีๆ ยิ่งช่วงที่เข้ามาชกเมืองกรุงปัญหาจะเยอะจึงต้องดูให้ดี หลายคนเคยเป็นแชมป์แล้วหายหน้าหายตาไป จึงต้องให้ความยุติธรรมกับนักมวยให้มากๆ แล้วเขาจะอยู่กับเรานานๆ 

       จอมโอบ‘>

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

คอลัมน์วันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด