ม็ด พร้อมรถกระบะ 9 คัน ขณะลำเลียงไปส่งให้ลูกค้าในกรุงเทพมหานคร
ยาบ้า 3 ล้านเม็ด เป็นของกลางที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. สามารถยึดได้จากนายกรทอง ลีสายเลิศ และพวกรวม 9 คน ขณะกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันลำเลียงเข้ามาจำหน่ายให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่กรุงเทพมหนคร และปริมณฑล การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากตำรวจสืบทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบนำยาเสพติดที่มีแหล่งผลิตอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ลำเลียงเข้ามาในประเทศไทย ผ่านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงวางแผนสกัดจับ
โดยครั้งนี้ผู้ต้องหาใช้รถกระบะ 5 คัน ลำเลียงยาเสพติดที่บรรจุมาในกระสอบ 15 ใบ นอกจากนี้ยังมีรถนำทางและคุ้มกันตลอดเส้นทาง และถูกสกัดจับได้ในท้องที่ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งพบผู้ร่วมขบวนการรวม 10 คน แต่ผู้ต้องหาที่ทำหน้าทึ่ขับรถคุ้มกันคันแรกสามารถหลบหนีไปได้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า ที่ผ่านมาได้รับจ้างลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 4 ครั้ง ในรอบ 1-2 เดือนนี้ ส่วนยาเสพติดที่ตรวจพบมีสัญลักษณ์เพชรอยู่บนตัวยา ซึ่งยาบ้าที่มีตราสัญลักษณ์นี้ไปพบถูกจับได้มานานแล้ว ต่อจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. จะนำไปตรวจวิเคราะห์ต่อไป
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพ ติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรมว.เเรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. พร้อมด้วยพล.ต.อ.อดุลย์ เเสงสิงเเก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.(ปส.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.พุทธชาต เอกฉันท์ รองผบช.ปส. ร่วมเเถลงผลการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย นายกรทอง ลีสายเลิศ หรือ นายจีเป้ง เเซ่ลี อายุ 26 ปี นายเเสง อย่างรุ่งโรจน์เชิด อายุ 24 ปี
นายวีระยุทธ เลิศวลีศิลป์ อายุ 27 ปี โดยจับกุมได้ที่ริมถนนสามัคคีชัย ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ส่วนนายอัมรินทร์ เลศพิทักษ์ภราดร อายุ 33 ปี เเละนายสมชาย วรัญญูนุกุล อายุ 38 ปี จับกุมได้ที่บริเวณป่าละเมาะ ต.เเคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ สำหรับนายสมพร เเซ่ล่อ อายุ 28 ปี นายสมศักดิ์ เเซ่ซ้ง อายุ 20 ปี นายวีรศักดิ์ สหเจริญชัย อายุ 20 ปี เเละนายทรงชัยเเซ่ม้า อายุ 21 ปี โดยจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.เเพร่ พร้อมของกลางยาบ้า 15 กระสอบ รวม 3,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 360 ล้านบาทส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ฒบ 541 กรุงเทพ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฟอร์ดสีขาว ทะเบียน 1กญ 2451 กรุงเทพ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลท้ายบรรทุก ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน 2กร 6589 กรุงเทพ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ไม่ติดเเผ่นป้ายทะเบียน โทรศัพท์มือถือ เเละของกลางอีกหลายรายการ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้งในเขต ต.สบบง อ.ภูซาง จ.พะเยา ร่วมกับชาวม้งใน จ.ตาก เเละ จ.เชียงใหม่ ลำเลียงยาบ้าจากเเนวชายเเดนด้าน อ.ท่าลี จ.เลย เข้าสู่ประเทศไทย จากนั้นจะนำมาพักยาไว้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนส่งต่อให้ผู้ค้ายาใน กรุงเทพฯเเละปริมณฑล กระทั่งเมื่อวันที่ 15 – 16 มี.ค. เจ้าหน้าที่จึงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ขนลำเลียง ตามเส้นทาง จ.เพชรบูรณ์ เเละพบรถยนต์ทั้ง 5 คัน ขับจากเเนวชายเเดนเขต ต.ท่าลี จ.เลย ผ่าน อ.ภูเรือ อ.ด่านซ้าย จ.เลย จากนั้นผ่าน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มุ่งหน้าสู่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยรถทั้ง 5 คัน มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำเเละติดตามคุ้มกัน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงถนนสามัคคีชัย ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับกุม รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ โดยมีนายกรทอง เเละนายเเสง พร้อมยาบ้า 15 กระสอบอยู่บริเวณกระบะท้ายรถต่อมาสกัดจับกุมรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า โดยมีนายวีระยุทธ เป็นผู้ขับ ต่อมาสกัดรถนั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฟอร์ด โดยมีนายอัมรินทร์ เเละนายสมชาย อยู่ภายใน สำหรับนายสมพร นายสมศักดิ์ นายวีรศักดิ์ เเละนายทรงชัยถูกจับกุมพร้อมรถนั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ อีซูซุ ในเวลาต่อมา นอกจากนี้สามารถตามจับกุมรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ไม่ติดเเผ่นป้ายทะเบียนได้อีก 1 คัน ซึ่งทราบว่านายสุชาติ เเซ่หว้า อายุ 31 ปีเป็นคนขับ เเต่นายสุชาติได้จอดรถวิ่งหลบหนี ขณะติดตามจับกุม
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาบ้าลอตดังกล่าว มีสัญลักษณ์บนหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เป็นตราเพชร ซึ่งทางเราไม่ได้จับกุมมานานกว่า 10 ปี เบื้องต้นคาดว่าน่าจะรับมาจากโรงงานย่อย ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับพ.ท.ยี่เซ โดยจะตรวจสอบต่อไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าสังเกต ชายเเดนทางภาคอีสานเป็นหลัก เนื่องจากที่ผ่านมามีการขนส่งยาทางภาคเหนือเริ่มลดลง ขณะที่ภาคอีสานกลับมากขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดที่ประเทศลาว เพื่อส่งมายังประเทศไทย ผ่านทาง จ.หนองคาย มุกดาหาร เเละเลย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบต่อไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบขายยาบ้ามาเเล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง โดยเฉลี่ยจะทำเดือนละ 2 ครั้ง เเละเพิ่งทำครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19-20 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงเเจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทเเอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวทั้ง 9 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อดำเนินคดี เเละขยายผลจับนายสุชาติต่อไป
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook