เผลอแป๊บเดียวก็เข้ากลางปี 2557 แล้ว เดือนมิถุนายนยังเป็นสัญญาณว่าเข้าสู่หน้าฝนเต็มตัว ถือเป็น “กรีนซีซั่น” ไปจนกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าเที่ยว เพราะฝนตกเยอะ ทั้งที่ในความเป็นจริงช่วงนี้ธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ มีเสน่ห์น่าหลงใหล ส่วนค่าที่พักก็ราคาไม่แพง ผู้คนไม่ยุบยับ
โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติบนถนนสาย 12 พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ อย่างเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พอฝนตกจากฟ้า ป่าฝนดั้งเดิมผสมผสานกับสวนผลไม้ และสวนผัก เช่น ผักหวาน ตะไคร้ พริก กะเพรา โหระพา มะเขือ ดอกแค ฟักข้าว เขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำด้วยสายฝน พอฝนค่อยๆ ซาทุกคนก็ได้เพลิดเพลินกับการเรียนรู้แนวคิดการพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตื่นตาตื่นใจกับการปลูกป่าผสมผสาน
ไม้เนื้อแข็งทำบ้านเรือนก็มีให้เห็น เช่น ไม้แดง สัก พะยอม พะยูง หรือไม้ที่กินได้ก็มีมากมาย เพราะที่นี่เขายึดหลักปลูกของที่กิน กินของที่ปลูก รวมทั้งสมุนไพร และการปลูกไม้เพื่อใช้สอยในครัวเรือน นี่คือ ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างอันแสนมหัศจรรย์ ฟื้นคืนระบบนิเวศ ช่วยรักษาน้ำในดินและเติมออกซิเจนให้โลก
ยังไม่จบแค่นั้น เพราะป่า 3 อย่างเป็นเพียงตัวเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวของฟาร์มแห่งนี้ ซึ่งริเริ่มโดย ณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์ เจ้าของเรนฟอเรสท์ รีสอร์ท ที่พักสีเขียวสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการแรมทางสัมผัสธรรมชาติ รวมทั้งผู้สนใจกิจกรรมเชิงสุขภาพ
เราพร้อมใจกันเดินชมฟาร์มชนบท ลองใช้ชีวิตเกษตรพอเพียง เก็บผักปลอดสารพิษ เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดจากเศษข้าว เศษผักผลไม้ และยังได้เรียนรู้การทำปุ๋ย ดูแลดิน และผลิตพลังงานทดแทน เห็นประโยชน์เต็มๆ ของสัตว์เลี้ยงอย่างหมูหลุม เป็นหมูป่าพระเอกกำจัดเศษอาหารที่เหลือจากแขกรีสอร์ต ขี้หมูเอาไปทำปุ๋ยหมัก นอกจากนั้นใครที่กินเห็ดต้องชอบโซนโรงเพาะเห็ด มีเห็ดหลายชนิด เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดภูฐาน เห็ดหูหนู โรงนี้ออกแบบมาป้องกันแมลง เห็ดที่ได้จึงไม่ฉีดสารพิษ แถมมีราคาสูงด้วย
ถ้าสนใจอยากได้วิชาทำแชมพูสระผม ครีมอาบน้ำจากสมุนไพรธรรมชาติ ทั้งอัญชัน ว่านหางจระเข้ บอระเพ็ด ใบเตย หรือน้ำยาล้างจาน ซักผ้าใช้ในบ้าน ทำขึ้นโดยใช้น้ำหมักจากเปลือกมะกรูด มะนาว หรือมะละกอก็ต้องมีเวลา ที่นี่มีที่พักแบบฟาร์มสเตย์ให้ผู้สนใจมาพักนอน เพื่อเรียนรู้แนวทางการเกษตรพึ่งพาตัวเองแบบพอเพียงอย่างครบวงจรนั่นเอง หิวข้าวก็ข้ามถนนไปร้านอาหารเรนเฟิร์น จะได้อิ่มอร่อยกับอาหารเพื่อสุขภาพสมใจ เพราะใช้วัตถุดิบ ใช้ผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองจากฟาร์ม เมนูแนะนำอย่างดอกอัญชันทอดกรอบ แกงคั่วอกเป็ดรมควัน น้ำพริกป่าฝน ใบเหนียงผัดไข่ ฯลฯ
เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม จึงเป็นคำตอบของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้ากับกระแสกรีนที่กำลังฮิต ถ้ายังมีเวลาเดินผ่านแมกไม้ใหญ่แห่งป่าฝนภายในรีสอร์ต ก็จะได้เห็นสายน้ำเข็กไหลเชี่ยวกราก เดือนกรกฎาคมนี้จะเริ่มเทศกาลผจญภัยที่ท้าทาย ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก สนุกแน่
บนเส้นทางสาย 12 ที่เชื่อมต่อไป จ.เพชรบูรณ์ กม.103 เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ ถือเป็น 1 ใน 10 จุดหมายในฝัน หรือ “Dream Destinations” ของภาคเหนือ มีความสวยงามเหมือนฝัน วันนั้นฝนตกแต่รอไม่นานท้องฟ้าก็เปิด สีสันและรูปทรงวิจิตรงดงามดั่งดอกบัวซ้อนของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่เกิดขึ้นมาจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้วแหวนเงินทอง ตลอดจนเซรามิกหลากสีสันมาประดับประดาตกแต่งลวดลาย ช่างอลังการเสียจริงๆ นอกจากนี้ยังมีสีทองเปล่งประกายของส่วนยอดที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ใต้ฐานใช้เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม รวมถึงที่ที่พุทธศาสนิกชนใช้เจริญสติภาวนาอยู่เสมอ
ถ้าอยากจะได้ภาพที่นี่สวยงามสมใจต้องมาในช่วงเย็น เพราะทั่วทั้งบริเวณวัดจะสะท้อนแสงระยิบระยับ เราได้กราบนมัสการพระพุทธเลิศรัตนโชติมณีหรือ “พระหยกเขียว” และพระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ หรือ “พระหยกขาว” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมสัมผัสทิวทัศน์สวยของเทือกเขาที่โอบล้อมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ส่วนใครที่อยากเห็นทะเลหมอกต้องตื่นให้ทันรุ่งเช้า แต่ไม่ว่าจะเยือนวัดสวยแห่งนี้ช่วงเวลาใดก็จะได้พบพุทธธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะนี้วัดกำลังสร้างมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เพื่อสืบทอดพระศาสนา นักท่องเที่ยวร่วมถวายปัจจัยสร้างมหาวิหารได้ ภาพที่เห็นสวย ยิ่งใหญ่ อลังการ และเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาเช่นกัน
กลับออกจากชมวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ยังได้ไปเที่ยวไร่บี.เอ็น. เขาค้อ เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรยอดฮิตบนถนนสาย 12 โชคดีที่สุดๆ เมื่อจุลพงษ์ คุ้นวงษ์ แห่งไร่บี.เอ็น. พาเดินชมสวนลิ้นจี่สายพันธุ์ดีที่สุดในไทย เผยเรื่องราวการพัฒนาลิ้นจี่พันธุ์ “ป้าชิด 2” นางเอกของไร่ ใช้เวลามากกว่า 30 ปี ที่สำคัญควบคุมทรง แต่งกิ่งชั้นเดียวให้สูงไม่เกิน 3 เมตร เหมือนแผงโซลาร์เซลล์รับแสงแดดทั่วถึง แถมลดต้นทุนการเก็บเกี่ยว ผลผลิตแตกต่างจากพันธุ์ลิ้นจี่ทั่วไปโดยสิ้นเชิง
“เนื้อหนากรอบ รสชาติหวานอร่อย เมล็ดลีบ” จุลพงษ์ย้ำคุณภาพลิ้นจี่ในไร่ ถ้าซื้อของฝากจากไร่ ราคากิโลกรัมละ 250 บาท ตก 26-30 ลูก บอกเลยว่าคุ้ม เพราะเมื่อส่งขายขึ้นห้างหรูกลางเมือง สยามพารากอน เอ็มโพเรียม ราคาจะเพิ่มอีกเท่าตัว แต่คนนิยมซื้อมาก ผลตอบรับดี เราเพลิดเพลินกับการชมสวนผลลิ้นจี่ดกเต็มต้น แต่เปลือกยังเป็นสีเขียว ปลายเดือนนี้ถึงจะแดงสวยทั่วบริเวณ ปีหน้าไร่บี.เอ็น.จะเริ่มขายพันธุ์ป้าชิด 2″ ส่งเสริมให้เกษตรกรในละแวกใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่บนดอยเชียงใหม่และเชียงรายนำไปปลูก เป็นแหล่งเรียนรู้สุดท้ายที่เติมความสุขกับการเดินทางเที่ยวธรรมชาติพิษณุโลก-เพชรบูรณ์ แถมช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook