LINE : ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์

ยินดีต้อนรับสู่เพจข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์

วันพฤหัสที่ 19 ธันวาคม 2024
คอลัมน์วันนี้

รีวิวการไปเยือน”เขาค้อ”แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.เพชรบูรณ์


สวัสดีครับเพื่อนเพื่อนชาวgang ทุกท่าน ครั้งที่แล้วได้รีวิวการไปเยือน”เขาค้อ”แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.เพชรบูรณ์ วันนี้จะเป็นภาคต่อเนื่องของการเยือนในครั้งนั้น หลังจากที่วันแรกพวกเราได้ไปถึง”เขาค้อ” หาที่พักแล้วก็ได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างต่างของ”เขาค้อ” อาทิ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก – น้ำตกศรีดิษฐ์ ฯลฯ


วันนี้ก็เลยมารีวิวต่อสำหรับวันที่ 2 และ 3 ในการเดินทาง (แต่ไม่รู้ว่าจะจบหรือป่าว..อิอิ) ไปเที่ยวกันดีกว่ามัวแต่พร่ามนอกเรื่องไปเรื่อย วันที่ 2 ผมตื่นแต่เช้าหวังว่าจะได้ยลทะเลหมอกสวยสวย หนาหนา แต่พอเปิดผ้าม่านมองออกไปด้านนอก มองซ้ายแลขวาไม่เห็นสายหมอกแต่อย่างใด อดเสียดายไม่ได้ถึงแม้ว่าจะทำใจมาบ้างแล้วส่วนหนึ่งเพราะนี่เป็นการมาเที่ยวหน้าฝน การจะได้เห็นทะเลหมอกสวยสวยนั่นก็ขึ้นกับจังหวะและเวลาด้วยเช่นกัน 


วันที่ 2 ผมแหกตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้า หวังว่าวันนี้จะเป็นโชคของพวกเรา ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปแง้มผ้าม่าน แอบหวังอยู่เล็กเล็กว่าพอเปิดผ้าม่านออกมาแล้ว ภาพที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นม่านทะเลหมอกที่ลอยเด่นเต็มไปหมดทั่วพื้นที่ แต่แล้วความหวังก็หายเหือดเมื่อภาพที่ปรากฎด้านนอกเป็นเพียงภาพทิวทัศน์เดิมเดิมที่เห็นเมื่อวันวาน ไร้ซึ่งทะเลหมอกที่อยากเห็น 


แต่ไหนไหนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว จะให้ล้มตัวลงไปนอนอีกก็ใช่ที่ ผมก็เลยตัดสินใจหยิบกุญแจรถแล้วก็แอบย่องเงียบไปตามหา”ทะเลหมอก”เพียงคนเดียว (จริงจริงแล้วอยากจะปลุกคุณผู้หญิงและเพื่อนเหมือนกันแต่ก็เกรงใจ กลัวว่าชวนไปแล้วไม่เจอทะเลหมอกก็จะเซ็งกันป่าวป่าว) 

หลังจากที่ขึ้นรถแล้วก็ขับรถออกจากรีสอร์ท มุ่งหน้าสู่”หอสมุดนานาชาติ เขาค้อ” อีกจุดชมทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อของที่นี่ 


ที่หอสมุดนานาชาติเขาค้อ จะอยู่ห่างจากรีสอร์ทประมาณ 2-3 กิโลเมตร ตอนที่ไปคงจะยังเช้าอยู่ประตูหอสมุดฯ ก็เลยยังไม่เปิด ด้านข้างหอสมุดฯ จะมีเจดีย์องค์งามประดิษฐานอยู่


แต่ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมหอสมุดฯ แต่มาตามหาทะเลหมอก ผมเดินอ้อมไปด้านหลังหอสมุดฯ อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ปรากฎ”ทะเลหมอก”ให้ได้ยลแต่อย่างใด เศร้าจริงจริง


แล้วจะไปไหนต่อดีล่ะ เดินกลับมาขึ้นรถแล้วก็ขับรถออกจากหอสมุดฯ แล้วสายตาก็พลันไปเจอกับป้ายบอกทางไปยัง”ฐานอิทธิ” เป็นฐานสูงที่ตั้งอยู่บนยอดเขา แล้วความคิดแวบหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองว่าถ้าขึ้นไปที่สูงสูงน่าจะได้เห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ 360 องศา น่าจะเห็นทะเลหมอกได้ง่ายกว่าถ้ามีให้เห็น ว่าแล้วผมก็รีบบึ่งรถไปตามทางขึ้นไปยัง”ฐานอิทธิ” ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วครับ”ฐานอิทธิ”


ขับรถไปจอดที่ลานจอดรถ เงียบและเปล่าเปลี่ยวจังยามเช้าแบบเนี้ย แถมมีหมอกปกคลุมไปทั่วยอดเขาแบบนี้ยิ่งเพิ่มความวังเวงขึ้นไปอีก


ตอนแรกว่าจะเข้าไปใน”ฐานอิทธิ”แต่เห็นว่ายังเช้าอยู่ เกรงใจพี่พี่ทหารที่อยู่ภายในฐานฯ ก็เลยขอบายกะว่าจะขึ้นมาอีกกับคุณผู้หญิงและเพื่อนในตอนสาย ด้านนอกฐานฯ จะมีจุดชมวิวที่สร้างเป็นเพิงไม้ไผ่ยื่นออกไปจากพื้นดิน สามารถเห็นวิวได้โดยรอบ วิวสวยมากมากแต่ก็ยังหาทะเลหมอกไม่เจออยู่ดีสำหรับมุมนี้




เดินเท้ามาอีกฝั่ง ผ่านศาลพระนเรศวรและศาลเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อไปชมวิวอีกฝั่ง


ซึ่งด้านนี้ก็เหมือนกันซึ่งปราศจาก”ทะเลหมอก”ให้ได้ชมเลยสักนิด




ผมอินกับบรรยากาศเหงาเหงาอยู่สักพักแล้วก็ขับรถลงจากฐานอิทธิ ผ่าน”อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ เขาค้อ” แวะสักหน่อยเผื่อได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น


เอารถไปจอดบริเวณบันไดทางขึ้นอนุสาวรีย์ฯ ลงจากรถมองเห็นถนนลงไปด้านล่าง มองจากตรงนี้สวยได้ใจจริงจริง


หมอกยังคงหนาปกคลุมไปทั่ว แถมลมยังแรงขึ้นเรื่อยเรื่อย พร้อมฝนเม็ดเล็กเล็กที่ปรอยปรายลงมาเรื่อยเรื่อย


เดินถัดจากอนุสาวรีย์ฯ ไปยัง”ฐานกรุงเทพฯ” ที่ตั้งของทหารไทยเมื่อครั้งในอดีตที่สู้รบกับ ผกค. แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของที่นี่




วิวพาโนรามาพร้อมม่านหมอก


ซูมซูมให้เห็น”พระบรมธาตุเจดีย์ฯ”กันชัดชัด


พอลมพัดหมอกไปก็ได้เห็น”อ่างเก็บน้ำอัศนัย”อย่างชัดเจน


บังเกอร์หลบภัยและเป็นที่สังเกตการณ์ของทหารหาญยามศึก ปัจจุบันเป็นพร๊อบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นอย่างดี


จากนั้นก็ถึงเวลาเดินทางกลับที่พัก ก่อนกลับขอถ่ายรูปกุหลาบสวยสวยเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย


หลังจากที่ลงมาจาก”ฐานอิทธิ” อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปกินข้าว พร้อมฟังคำสวดเล็กน้อยจากเพื่อนและคุณผู้หญิงที่แอบไปคนเดียว…หุหุ




กินข้าวกันเสร็จพวกเราก็พร้อมออกเดินทาง เช็คเอาท์แล้วล้อรถก็เคลื่อน จุดหมายปลายทางแรกสำหรับวันนี้ก็คือ ร้านกาแฟสุดฮิตของ”เขาค้อ”ตอนนี้ “Route12” 




ที่นี่มีมุมถ่ายรูปมากมาย เพื่อนเพื่อนที่มีโอกาสไปเที่ยว”เขาค้อ”อย่าได้พลาดเชียวครับ (ร้านอยู่บนถนนสาย 12 มุ่งหน้าไปยังพิษณุโลก)




ออกจาก “Route 12” ผมก็ขับรถย้อนกลับไปทางสามแยกแค้มป์สน ซึ่งบริเวณสามแยกนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังเป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่ง ณ.เวลานี้ อีกทั้งยังเป็นพุทธสถานที่สวยงามอีกด้วย ใช่แล้วล่ะครับสถานที่แห่งนี้ก็คือ”วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”นั่นเอง






คิดว่าหลายหลายคนที่เคยไปที่”เขาค้อ”คงเคยไปที่วัดแห่งนี้มาแล้ว แต่ถ้ายังไม่เคยไปถือว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปตอนพระอาทิตย์เกือบอัสดงยิ่งสวยมากมายจริงจริงครับ (เอาภาพมาให้ชมพอประมาณนะครับ อยากให้ไปยลด้วยสายตาตัวเองมากกว่าจริงจริง)


ออกจาก”วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ผมก็ขับรถผ่านท้องนาเขียวขจี 


จุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้คือ”ภูทับเบิก”นั่นเอง


เส้นทางขับรถสู่”ภูทับเบิก” ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรจากตีนเขา ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยเรื่อย ซึ่งตอนที่ขับรถขึ้นไปมีหมอกปกคลุมไปตามทางอย่างหนาแน่น ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่อย่างมาก กว่าจะถึงที่พักที่ผมจองได้ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง 


ที่พักที่ผมจองเอาไว้คือ”ภูซากุระ” ที่ผมเคยอ่านรีวิวของคุณ Dog Hall ซึ่งต้องขอขอบคุณจริงจริงครับ


ห้องพักเป็นหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน สนนราคาอยู่ที่คืนละ 1,000 บาท พักได้ 3 คน 


เก็บสัมภาระแล้วก็ออกไปเดินเล่นกัน ไปชมวิวกันไม่อยากบรรยายแล้ว เอาภาพเป็นตัวเล่าเรื่องล่ะกัน






ยิ่งฟ้าลงแสงลงยิ่งสวย สวยจากแสงไฟที่เปิดขึ้นทั้งจากท้องถนนและบ้านเรือนด้านล่าง


ยิ่งมืดยิ่งหนาว ได้เวลาเดินกลับที่พักเพื่อพักผ่อนแล้ว เป็นอันจบวันที่แสนสุขไปอีกหนึ่งวัน และเป็นการจบรีวิวสำหรับวันนี้แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะครับ สำหรับวันนี้โชคดีราตรีสวัสดิ์ครับ

 

สวัสดีครับเพื่อนเพื่อนชาวgang วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองมะขามหวา จ.เพชรบูรณ์ พอดีมีเวลาว่างช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็เลย จัดโปรแกรมไปเที่ยวหน้าฝนที่ “เขาค้อ”และ”ภูทับเบิก” 3 วัน 2 คืน โดยมีเพื่อนสมาชิกมาเพิ่มอีก 1 หลังจากที่คุ้นเคยไปกัน 2 ต่อ 2 โปรแกรมท่องเที่ยวไม่ได้กำหนดแต่อย่างใด อยากไปไหนก็ไปแล้วแต่จะคิดออก

พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ใช้เส้นทางมุ่งหน้าสู่ จ.สระบุรี แวะกินข้าวเช้าที่ “ข้าวแกงบ้านสวน1″ หลังจากกินอาหารเสร็จก็เดินทางต่อผ่าน จ.สระบุรี -ลำนารายณ์-วิเชียรบุรี -ตัวเมืองเพชรบูรณ์ และมาถึง อ.เขาค้อ ในเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง อันดับแรกก็ต้องหาที่ซุกหัวนอนกันก่อน พวกเราขับรถเอื่อยเอื่อย มองหารีสอร์ทที่อยู่ในทำเลที่ถูกใจและราคาไม่แพงมากนัก จอดแวะลงไปชมตั้งหลายรีสอร์ทแล้วสุดท้ายก็มาจบลงที่”เขาค้อทะเลหมอกรีสอร์ท” รีสอร์ทสวยที่อยู่ในทำเลมองเห็นอ่างเก็บน้ำรัตนัยอย่างชัดเจน สนนราคาค่าห้อง 1.500 บาทรวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ 




วิวที่เห็นงดงามอย่างยิ่ง 


จริงหรือป่าว ที่พักที่เขาค้อ 1 คืนอายุยืน 1 ปี เดี๋ยวจะไปพักสัก 3 เดือน


หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่ห้องพักแล้วพวกเราก็ออกไปเที่ยวกัน ที่แรกก็ต้องไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถิ่นกันก่อน “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก”


ระฆังเรียงรายอยู่ด้านลานจอดรถ


ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ฯ มีพระพุทธรูปอยู่เป็นจำนวนมาก






พระพุทธมหาธรรมราชาองค์เล็ก ที่เป็นพระประจำจังหวัดเพชรบูรณ์


หลังจากที่ไหว้พระที่พระบรมธาตุเจดีย์ฯ แล้วก็มุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อที่ “น้ำตกศรีดิษฐ์” ซึ่งอยู่ห่างจากพระบรมธาตุเจดีย์ฯ ประมาณ 9-10 กิโลเมตร


จากลานจอดรถต้องเดินเท้าไปยังตัวน้ำตกศรีดิษฐ์ประมาณ 2-300 เมตรก็ได้เจอกับ”น้ำตกศรีดิษฐ์”แล้ว


เดินลงไปถ่ายรูปด้านล่าง ได้มุมที่สวยไปอีกแบบที่แตกต่างจากด้านบน


ออกจาก”น้ำตกศรีดิษฐ์”ก็เริ่มเย็นแล้ว กลับไปกินข้าวเย็นกันที่รีสอร์ทเป็นอันจบวันแรกของทริปนี้ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้านะครับ

 

 

ที่มาคอลัมน์  http://www.bloggang.com/’>

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

คอลัมน์วันนี้ ล่าสุด

อัพเดทล่าสุด