ประวัติบ้านคลองศาลา.. ประตูสู่เมืองเพชรบูรณ์
ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ wison_k@hotmail.com
บ้านคลองศาลา เป็นบริเวณชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมตั้งอยู่ด้านทิศใต้เมืองเพชรบูรณ์โดยมีพื้นที่ตั้งแต่วัดภูเขาดิน ไปตามถนนพระพุทธบาทในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เรื่อยไปจนถึงเขตบางส่วนของหมู่13 และหมู่ 2 ของตำบลสะเดียง … บ้านคลองศาลา เปรียบเสมือนเป็นประตูเข้าเมืองเพชรบูรณ์ เนื่องจากเส้นทางดั้งเดิมที่มาจากวิเชียรบุรีหรือตะพานหิน ต้องเดินทางผ่านมาทางบ้านนายม คลองขุด ชอนไพร แล้วจึงผ่านบ้านคลองศาลา เข้าสู่ตัวเมืองเพชรบูรณ์
สมัยก่อนการสัญจรไปมาในเพชรบูรณ์ นิยมใช้การสัญจรทางน้ำทางเรือเป็นหลักเพราะสะดวกและรวดเร็วกว่าทางถนน ชาวบ้านทางตอนใต้ของตัวเมืองเพชรบูรณ์เวลาจะเดินทางเข้าเมืองหรือนักเรียนจะเดินทางเข้าไปเรียนหนังสือที่วัดภูเขาดินและวัดมหาธาตุก็จะพายเรือมาตามลำคลองศาลา และเมื่อถึงฝั่งก่อนเข้าเมืองก็จะขึ้นที่ศาลาท่าน้ำที่อยู่หลังวัดภูเขาดิน เป็นศาลาให้คนเดินทางจอดเรือพักเตรียมความเรียบร้อยก่อนเข้าเมืองและเป็นจุดนัดพบกันอีกครั้งเพื่อจะลงเรือกลับบ้านตามลำคลองดังกล่าว ผู้คนจึงเรียกคลองนี้ว่า คลองศาลา เมื่อมีการตั้งชุมชนขึ้นจึงได้เรียกชุมชนดังกล่าวว่า บ้านคลองศาลาด้วย แต่ความเป็นจริงแล้ว บ้านคลองศาลาแต่เดิมนั้นจะเรียกกันเฉพาะบริเวณวัดภูเขาดิน ส่วนบริเวณที่เลยออกไปทางใต้ แต่เดิมเรียกว่าบ้านกลางนาหรือบ้านทุ่งนา แต่ปัจจุบันนี้ได้เรียกรวมกันหมดเป็นชุมชนเดียวว่าบ้านคลองศาลา
สภาพดั้งเดิมของชุมชน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนาตั้งแต่วัดภูเขาดินเรื่อยไปและส่วนที่เป็นโคกจะปกคลุมไปด้วยป่าระกำ สะแก ไผ่และป่าพง มีคลองน้ำไหลผ่าน 3 สาย คือ คลองศาลาที่น้ำไหลมาจากคลองคูและคลองป่าแดง คลองหัวโรงวัว ที่น้ำไหลมาจากบ้านพลำ และคลองโซมซึ่งเป็นคลองลำเลียงน้ำทำนา สภาพเดิมของคลองจะกว้างและลึก มีน้ำไหลตลอดปี และมีปลาชุกชุม บ้านเรือนแต่เดิมมีอยู่เพียงไม่กี่หลังตั้งอยู่ห่าง ๆ กันและเพิ่มมากขึ้นในเวลาต่อมา บ้านส่วนใหญ่ไม่มีรั้วกั้น และสามารถเดินทะลุกันได้หรือลอดใต้ถุนบ้านเพื่อเดินออกมายังถนน การคมนาคมแต่ดั้งเดิมนั้น ใช้เรือและเกวียน ถนนสายหลักคือถนนพระพุทธบาทตัดผ่ากลางชุมชน โดยถนนสายนี้เดิมจะมีต้นฉำฉาปกคลุมอยู่สองข้างทางไปจนถึงหนองนายั้ง ต่อมา ก็ได้มีการสร้างถนนใหม่ขนานกันไปทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าถนนสายนอก นั่นคือ ถนนสามัคคีชัยหรือทางหลวงหมายเลข21 นั่นเอง
ในสมัยนครบาลเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2486-2487 ที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ทำการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เพชรบูรณ์ ได้มีการใช้พื้นที่บริเวณคลองหัวโรงวัวเป็นป่าช้าเพื่อฝังศพ“คนเกณฑ์” ที่ถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานสร้างเมืองหลวงและได้ล้มตายลงเนื่องจากไข้ป่าเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังได้มีการตั้งกรมแผนที่ทหารขึ้นบริเวณที่เรียกว่านายั้ง และได้เคยมีการพิมพ์ธนบัตรขึ้นใช้ในเพชรบูรณ์จากสถานที่แห่งนี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันคือ บริเวณโรงเรียนเซนโยเซฟศรีเพชรบูรณ์
คนคลองศาลา มีสำเนียงภาษาพูดที่มีรากมาจากภาษาสะเดียง ผู้คนสมัยก่อนประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ข้าวโพด ไร่แตงโม ปลูกอ้อย ผลิตน้ำอ้อย และเลี้ยงวัวควายโดยเลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติ เมื่อถึงฤดูทำนาจึงไปจับมาทำนานอกจากนั้น ยังทำอาชีพหาปลา เก็บของป่า เผาถ่านขาย และมีการนำสินค้าไปแลกผลิตผลการเกษตรที่บ้านชอนไพรมากินมาขายในตัวเมืองด้วย ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่บ้านคลองศาลาได้เล่าให้ฟังว่าในสมัยนครบาลเพชรบูรณ์ จะขายของดีมากโดยเฉพาะอาหารและผลิตผลทางการเกษตร จึงกล่าวได้ว่าวิถีชีวิตในอดีตของคนในชุมชนมีการพึ่งพาอาศัยกัน อยู่กันแบบพี่น้องพออยู่พอกิน แลกเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้กัน
การทำบุญและพิธีทางศาสนาต่าง ๆ คนคลองศาลาจะไปทำบุญกันที่วัดภูเขาดินและวัดช้างเผือก มีประเพณีทำบุญกลางบ้านเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ นอกจากนั้นชาวชุมชนยังมีความเชื่อในเรื่องหมอทรง หมอสมุนไพร เช่นที่บริเวณต้นมะขามใหญ่ริมคลองศาลาหลังเรือนจำในปัจจุบันจะมีศาลตาปู่ตั้งอยู่เป็นที่เคารพสักการะของคนในชุมชนอีกด้วย ในช่วงสงกรานต์ คนคลองศาลาจะจัดพิธี “อาบน้ำคนแก่ แห่ไปกิน” ก่อพระเจดีย์ทราย และการละเล่น “แม่ศรี”“นางด้ง” “ ลิงลม” “ดึงหนัง”
สถานที่สำคัญของชุมชนนี้ในสมัยก่อนคือ ท่าโบราณ ซึ่งเป็นท่าน้ำอยู่ริมคลองศาลา อยู่ด้านหลังเรือนจำจังหวัด เป็นสถานที่รวมคนในหมู่บ้าน เป็นที่อาบน้ำ เล่นน้ำของเด็ก ๆ เป็นที่ลงตักน้ำมาใช้ในครัวเรือน และใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมทางสังคมได้แก่ ลานก่อพระเจดีย์ทราย นอกจากนั้นยังเป็นที่ซึ่งสัตว์เลี้ยงต่าง ๆเช่น ช้าง วัว ควาย ลงกินน้ำอีกและปลูกผักสวนครัวตามริมคลองอีกด้วย ปัจจุบัน ก็ยังคงมีความสำคัญเป็นพื้นที่สาธารณะร่วมกันโดยสร้างเป็นที่ทำการชุมชน 14 (คลองศาลา)
บุคคลสำคัญในอดีตซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ ครูแถม พรหมบุญ ซึ่งได้สร้างศาลาไว้ให้ประชาชนได้พักริมทางบริเวณถนนพระพุทธบาท เรียกกันว่าศาลาครูแถม และยังมีผู้ที่ชาวบ้านให้ความนับถืออีกคือ ผู้ใหญ่อินทร์ อ่อนอินนอน กำนันหวอย และกำนันฉลอง ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของชุมชนในอดีต
บทความนี้ เรียบเรียงขึ้นจากคำสัมภาษณ์บรรดาผู้นำชุมชนบ้านคลองศาลาโดยมีวัตถุประสงค์ในการเก็บบันทึกประวัติส่วนหนึ่งของบ้านคลองศาลาเอาไว้เพื่อสืบทอดต่อไปยังลูกหลานได้เรียนรู้ชุมชนบ้านตนเอง.. มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา .
‘>
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook